“วสันต์”ออกโรงแจงกลุ่มผู้ประกันตนเดือดร้อนจริง “ม.33 เรารักกัน”เยียวยาไม่ทั่วถึง

08 พ.ค. 2564 | 09:13 น.

ผู้แทนกลุ่มผู้ประกันตนออกโรงยันความเดือดร้อนของผู้ประกันตน เป็นไปตามที่ “คุณหญิงสุดารัตน์”ช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้ เป็นความจริงทุกประการ แนะรมต.แทนที่จะใช้เวลามาแก้ตัว ควรไปเร่งแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกันตนจะดีกว่า 

นายวสันต์ ประจิตร ผู้ก่อตั้งกลุ่มผู้ใช้แรงงานและผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม และกลุ่มขอคืนไม่ใช่ขอทานเงินสมทบชราภาพ  กล่าวว่า ตนได้ตั้งกลุ่มช่วงโควิดรอบแรก เพื่อเรียกร้องเงินสมทบชราภาพเอามาเยียวยาผู้ประกันตน ในภาวะวิกฤติโควิดผู้ประกันตนเดือดร้อนมากรายได้ต้องลดลง แต่รายจ่ายยังคงเดิม ค่าน้ำ ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าไฟ ยังต้องจ่ายเหมือนเดิม

เรามีเงินของเราเองอยู่ในกองทุนประกันสังคมอยู่แล้วเราจึงเรียกร้อง

1.ให้เอาเงินส่วนนี้เอาออกมาใช้ก่อน           

2.เรื่องการแก้ไขกฎหมายบำเหน็จบำนาญชราภาพ เราต้องการเลือก เมื่อสิ้นสุดจากเป็นผู้ประกันตน โดยที่ไม่ต้องรอถึง 55 ปีบริบูรณ์

“วสันต์”ออกโรงแจงกลุ่มผู้ประกันตนเดือดร้อนจริง “ม.33 เรารักกัน”เยียวยาไม่ทั่วถึง

 

นายวสันต์ กล่าวว่า วาระเร่งด่วนที่เราร้องขอนำเงินกองทุนชราภาพของพวกเราเอาออกมาใช้ก่อน พวกเราทำตั้งแต่รัฐมนตรีหม่อมเต่าถึงตอนนี้เปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นสุชาติ ก็ยังไม่มีความคืบหน้า 

“รัฐมนตรีสุชาติถ้าท่านยังจำคำที่ท่านพูดในครั้งที่ผมเคยเข้าพบเกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ประกันตน  ท่านพูดว่าลูกผู้ชายคุยกันเท่ากับสัญญาลูกผู้ชายเช่นกัน  ในครั้งนั้นท่านบอกว่าไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ปี 64 ผู้ประกันตนจะได้รับเงินเยียวยาจะประกันสังคมโดยทางใดทางหนึ่ง” 

 

แต่จนถึงวันนี้ผู้ประกันตนยังไม่ได้รับเงินจากกองทุนชราภาพเงินของพวกเราคืนแม้แต่บาทเดียว ท่านก็รู้ความหิวความเดือดร้อนมันรอกันไม่ได้ ผู้ประกันตนหลายคนโดนยึดบ้าน ยึดรถ ต้องเกิดปัญหาครอบครัวเช่นการหย่าร้าง เกิดปัญหาสังคมตามมาอีก

“พวกเราขอแค่เงินของพวกเราคืนแค่นั้นเอง ม. 33 ในโครงการเรารักกันก็ยังไม่ได้ทั่วถึงมีผู้ประกันตนหลายคนตกหล่น ไม่ใช่ความผิดของผู้กันตนเองแต่มันเป็นความผิดของระบบหน่วยงานของรัฐเอง  มีสมาชิกของในกลุ่มเราจำนวนมาก ได้แจ้งทางกลุ่มทุกวัน

 

และล่าสุดนี้ “ม. 33 เรารักกัน” ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ากลุ่มไหนจะได้ คนเก่าที่เคยได้แล้วหรือว่าคนที่ยังไม่ได้  ผู้ประกันตนทั้งหมดเกือบ 16 ล้านคน  แต่ทำไมยอดที่ประกันสังคมแจ้งมาแค่ 9 ล้านคน แล้วที่เหลือไปไหนข้อมูลที่ 2 ล้านคนผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็แค่อยากรู้ คิดแค่ตัวเลขง่ายๆ 

“ท่านต้องหัดยอมรับความจริงบ้างสิ่งที่ท่านคุณหญิงสุดารัตน์โพสต์มันคือความจริง มันคือความเดือดร้อนของผู้ประกันตนจริงๆ และมีตัวตนจริง กี่ครั้งแล้วที่ผมเข้าไปที่กระทรวงแรงงาน หรือประกันสังคมสำนักงานใหญ่  แค่เข้าไปนั่งคุยแล้วเรื่องก็เงียบหายไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปประธรรมได้เลย”

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า คุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้หญิงกล้าออกมาพูดความจริง กล้าเป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้ประกันตนที่เดือดร้อนจริง  อย่างน่าชื่นชมกว่าผู้ชายที่เคยรับปากว่าสัญญาลูกผู้ชายด้วยซ้ำ  ถ้าไม่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ใช้แรงงานเรื่องก็คงจะเงียบอีกตามเคย  ท่านเป็นผู้ชายใจกว้างหน่อยยอมรับกับปัญหาแล้วนำไปแก้ไข เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงานจะดีกว่า   จะดีกว่าจะมาต่อปากต่อคำกับผู้หญิง

“รมต.ควรเปิดใจยอมรับฟังเสียงของผู้ประกันตนบ้างไม่ใช่จะฟังเฉพาะคนใกล้ชิดท่าน  พวกนั้นก็จะพูดแต่สิ่งที่เขาอยากให้ฟัง แต่ปัญหาจริงๆ มันเยอะมากกว่านั้น  ผมในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่ม ผมจะสู้เรื่องสิทธิของผู้ประกันตนอันพึงได้และความชอบธรรมความเป็นธรรมขึ้นกับสู่ผู้ประกันตน   ถ้าไม่ติดเรื่อง covid หรือกฎหมาย พรก.ที่คุ้มกะลาไว้ไม่ได้เป็นแบบนี้แน่”

ทั้งนี้ ต้องขอขอบพระคุณท่านคุณหญิงสุดารัตน์อีกครั้งที่เป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้ประกันตน ให้ขยับก้นทำงานกันบ้าง