วันจันทร์ที่ 8 มี.ค.2564 นี้ เวลา 10.00 น. กลุ่มสร้างไทย นำโดย นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน และคุณธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ จะไปยื่นหนังสือแถลงการณ์กลุ่มสร้างไทย เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ณ ห้องรับคำร้อง ชั้น 2 อาคาร A ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะฯ
โดยแถลงการณ์ของ “กลุ่มสร้างไทย” กรณีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่ารัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ระบุว่า
จากการที่ภาคประชาชน ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลเห็นพ้องร่วมกันว่า สมควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เป็นองค์กรยกร่างนั้น ในที่สุดได้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาโดยให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 200 คน เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในที่สุดรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในวาระที่ 1 แต่มติเสียงข้างมากของรัฐสภา (สมาชิกวุฒิสภาเกือบทั้งหมดและ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ) กลับขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า รัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และรัฐสภาได้ ลงมติเมื่อ 24 - 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมาผ่านวาระที่ 2 คงเหลือเพียงวาระที่ 3 ต้องรอไว้ 15 วัน จึงจะลงมติได้
กลุ่มสร้างไทยขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า การที่รัฐสภาเสียงข้างมากขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นข้างต้น เป็นเรื่องแปลกประหลาดและส่อให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการสมคบคิดเพื่อทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. เป็นไปไม่ได้ ยิ่งศาลรัฐธรรมนูญขอความเห็นจากบุคคล 4 คน คือ นายมีชัย ฤทธิ์พันธ์ นายบวรศักดิ์ อุวรรณณ นายสมคิด เลิศไพบูลย์ และ นายอุดม รัฐอมฤต ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า มีจุดยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่ยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น
การที่รัฐสภาลงมติในวาระที่ 1 และวาระที่ 2 ไปแล้วย่อมแสดงให้เห็นว่ารัฐสภามั่นใจว่ามี อำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยใช้ระบบ สสร. ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เมื่อผ่านวาระที่ 3 (จะมีการเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 17 - 18 มีนาคม 2564 ) จะไปสู่การทำประชามติ หากผ่านประชามติจะมีการเลือก สสร. 200 คนโดยประชาชน
เมื่อ สสร. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จ จะต้องทำประชามติอีกครั้ง ถ้าผ่านจึงทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงทรงพระปรมาภิไธย และจะมีการเลือกตั้งกันตามรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งถือเป็นฉบับประชาชนอย่างแท้จริง และจะเป็นฉบับแรกของประเทศไทยที่ประชาชนเป็นผู้สถาปนารัฐจะธรรมนูญขึ้น ในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย จึงไม่มีเหตุผลและความเหมาะสมใดเลย ที่จะสมคบคิดกันหยุดยั้งการดำเนินการเช่นนี้ นอกจากต้องการจะปกป้องระบบเผด็จการอำนาจนิยมที่เกิดจากการรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงควรที่จะวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อนการลงมติในวาระที่ 3 และถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัย ก็จะทำให้ระบบรัฐสภาแข็งแรงขึ้น เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะแก้ไขเป็นรายมาตรา หลายมาตรา หรือ จัดทำใหม่ทั้งฉบับภายใต้ข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญเอง เป็นอำนาจโดยเฉพาะของรัฐสภา หรือมิเช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะยืนยันว่าเป็นอำนาจของรัฐสภา
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่มีอำนาจก่อนการลงมติวาระที่ 3 ฝ่ายค้านก็ต้องคิดให้ดีว่าจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่มี สสร. เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยก่อนการลงมติดังกล่าว ฝ่ายค้านก็ควรหาวิธีการไม่ให้มีการลงมติ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจทำได้หรือไม่ หากฝ่ายค้านลงมติเห็นชอบวาระที่ 3 โดยยังไม่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ส่วนที่เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. นั้นใช้ไม่ได้ เพราะรัฐสภาไม่มีอำนาจ ก็จะทำให้รัฐบาลโดยความร่วมมือกับ ส.ว.สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ทุกประเด็น เว้นแต่จะไม่ผ่านประชามติ
กลุ่มสร้างไทยจึงขอวิงวอนทุกฝ่ายได้ร่วมมือกัน ผ่าทางตันของประเทศเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริง อย่าเอาแพ้ชนะกันในสิ่งที่ในที่สุดแล้วไม่มีใครชนะ แต่ทุกคนและประเทศแพ้หมด