ไทม์ไลน์ ม็อบคณะราษฎร ถอยคนละก้าว ผ่าทางตันประเทศ

22 ต.ค. 2563 | 19:10 น.

ถอยคนละก้าว ผ่าทางตันประเทศ ม็อบคณะราษฎร ยื่นเงื่อนไข ขีดเส้น "พล.อ.ประยุทธ์" นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งภายใน 3 วัน

การชุมนุมของมวลชนที่ปรับเปลี่ยนชื่อกันมาเรื่อย นับตั้งแต่ "เยาวชนปลดแอก" "ประชาชนปลดแอก" "คณะราษฎร 2563" และ "ราษฎร 2563" ล่าสุดกลับมาใช้ "คณะราษฎร 2563" เริ่มต้นมาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงเมื่อคืนวันที่ 21 ตุลาคม 2563 ที่ได้ประกาศหยุดการชุมนุมไป

 

ท่ามกลางการประกาศบังคับใช้ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ม็อบคณะราษฎร 2563 นัดรวมพลจัดชุมนุมอย่างต่อเนื่องเปลี่ยนสถานที่และเวลาการนัดหมายไปเรื่อยเพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง    

 

กระทั่ง ช่วงค่ำของวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 19.00 น. ก่อนม็อบประกาศหยุดการชุมนุมเมื่อเวลาประมาณ 21.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ใจความตอนหนึ่งว่า

 

..หน้าที่ของผมในฐานะผู้นำประเทศที่ต้องรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพที่ดีของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประท้วง หรือจะเป็นประชาชนที่นิ่งเงียบ ไม่ว่าเค้าจะมีความคิดความรู้สึกแบบไหนก็ตาม วันนี้ ผมจะเป็นคน ที่เริ่ม ก้าวแรก เพื่อที่จะลดอุณหภูมิความรุนแรง 

 

ผมเตรียมที่จะยกเลิก พรก สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพฯ เร็วๆนี้ ยกเว้น หากมีสถานการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น และเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเวลาเดียวกัน ผมก็ขอให้ผู้ประท้วง แสดงความจริงใจในเจตนาดีของท่านที่มีต่อประเทศดังที่ท่านพูด โดยการเคารพกฎหมาย เคารพระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ขอให้ท่านแสดงความคิดความต้องการผ่านผู้แทนราษฎรของท่าน ซึ่งมีขั้นตอน กำหนดเวลา ไปตามลำดับ

 

ผมขอพวกท่าน ด้วยความจริงใจของผม เมื่อผมยอมก้าวไปในแนวทางนี้ ผมก็ขอให้พวกท่านก้าวไปในแนวทางเดียวกันด้วย และลดระดับเสียงของการสาดถ้อยคำที่สร้างความแตกแยกและเกลียดชังในสังคม สร้างความเจ็บปวดให้กับคนในสังคม ผมขอให้ทุกคนร่วมใจกัน ทำให้เมฆดำที่กำลังเคลื่อนมาปกคลุมประเทศไทยของเรา ให้หายไป..

 

และในเวลาเดียวกัน ภารกิจที่ต้องเริ่มทำคู่ขนานกันไป ก็คือ เราต้องนำเอาประเด็นต่างๆ ที่ถูกพูดถึงว่าควรได้รับการแก้ไข เพื่อผลดีในระยะยาวของประเทศ มาเริ่มพูดคุยกัน เราต้องรักษาบาดแผลให้ทุเลาลง ก่อนที่มันจะบาดลึกมากไปกว่านี้...”

 

ถ้อยแถลงตอนหนึ่งที่ “นายกฯ” ส่งผ่านไปยังกลุ่มมวลชนคณะราษฎร เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เรียกร้องให้ทุกฝ่าย “ถอยคนละก้าว” โดยตนเองนั้นเตรียมจะยกเลิก พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯแล้ว

 

รุ่งขึ้น (22 ตุลาคม) เวลาประมาณ 11.56 น. ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กทม. หลังจากที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา

 

ขณะที่หากลองย้อนดูข้อเรียกร้องของกลุ่มคณะราษฎร ก่อนประกาศยุติการชุมนุม เมื่อคืนวันที่ 21 ตุลาคม จำนวน 3 ข้อ คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกทันที 2.ร่างรธน.ใหม่ และ 3.ปฏิรูปสถาบันฯ เน้นย้ำว่า ภายใน 3 วัน หากพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งจะกลับมา พร้อมยื่น 2 เงื่อนไขว่า  

 

"การถอยคนละก้าว" ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในมุมมองกลุ่มมวลชนนั้น ต้องหมายถึง การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยุติการดำเนินคดี ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมทั้งหมด

 

เมื่อกางปฏิทินดูจะพบว่า เส้นตาย 3 วันของ ม็อบคณะราษฎร คือ ภายในวันที่ 24 ตุลาคม 2563 ขณะที่กำหนดการเปิดประชุมรัฐสภาวิสามัญที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นทางออกของประเทศ คือ วันที่ 26-27 ตุลาคม จึงไม่อยู่ในสายตาของกลุ่มคณะราษฎร เพราะเงื่อนไขได้ล็อกเป้า ยิงถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง โยนโจทย์ใหญ่ให้เป็นผู้ที่ต้องตอบคำถามของเรื่องนี้ว่า จะอยู่ หรือ จะไป การแก้ปัญหาตามวิถีประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด

 

ขณะที่มวลชนกลุ่มปกป้องสถาบัน เริ่มออกมาเคลื่อนไหว พร้อมดาวกระจายหลายจุดในหลายจังหวัด นัดชุมนุมกันตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม ไล่ยาวไปถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้

 

“..ประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน ต้องเข้าหากัน ไม่เผชิญหน้ากัน แก้ปัญหา เพราะว่าอันตรายมีอยู่เวลาคนเราเกิดความบ้าเลือด ปฏิบัติการรุนแรงต่อกัน มันลืมตัว ลงท้ายก็ไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทางชนะ อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือ ต่างคนต่างแก้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือ ประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชนเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า กรุงเทพมหานครเสียหาย ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่า ชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง”

 

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม  2563 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี นำ พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานกระแสพระราชดำริ เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

 

ถึงวันนี้ เชื่อมั่นว่า ทุกฝ่ายจะหันมาร่วมกันคิด ร่วมกันหา "ทางออกที่ดีที่สุด" ให้ประเทศไทยผ่านพ้น และก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง...