“กมธ.กฎหมาย”ชงสภาพรุ่งนี้ “นิรโทษกรรม” ปลดล็อกความขัดแย้ง 

12 ส.ค. 2563 | 10:15 น.

“กมธ.กฎหมาย”ชง สภา 13 ส.ค.นี้ ออกก.ม.“นิรโทษกรรม” ขจัดความขัดแย้ง สร้างปรองดอง เว้นความผิด ม. 112 และคดีทุจริตคอร์รัปชัน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 13 ส.ค.นี้ มีวาระสำคัญคือ รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ตามที่คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว 

 

โดยมีการเสนอแนวทางสร้างความปรองดองและสมานฉันท์คนในชาติ เพื่อขจัดความขัดแย้งในสังคม ด้วยแนวทางการ “นิรโทษกรรม” เพื่อสร้างความปรองดอง 

 

มีเงื่อนไขคือ การนิรโทษกรรมเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548-ปัจจุบัน เป็นคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเท่านั้น คือ การกระทำต่างๆ ของประชาชนที่ทำไปเพื่อแสดงออกถึงความคิดทางการเมือง หรือมีเหตุจูงใจทางการเมือง ไม่รวมถึงการทำผิดคดีอาญา ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคดีทุจริตคอร์รัปชัน โดยเสนอให้ตราเป็นกฎหมายพิเศษ เช่น การออกพ.ร.ก. หรือการออก พ.ร.บ.

 

นอกจากนี้ กมธ.ยังเสนอให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ถูกออกแบบวางกติกาไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจ โดยเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และให้นายกรัฐมนตรีระบุรายละเอียดเรื่องกรอบเวลาของกระบวนการแก้ไขให้ชัดเจน เมื่อแก้ไขเสร็จควรยุบสภาทันทีแล้วจัดเลือกตั้งใหม่ หากปล่อยเวลาให้นานไปเท่าใด การแก้ปัญหาความขัดแย้งจะเป็นไปได้ยาก 

 

ขณะที่เรื่องการทำหน้าที่ของสื่อ เสนอให้สื่อปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่นำเสนอข้อมูลหรือถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง ยั่วยุให้ใช้ความรุนแรงต่อคู่ขัดแย้ง 

 

ส่วนเรื่องการเยียวยานั้น รัฐบาลต้องเยียวยาอย่างจริงจัง เป็นระบบ ทั่วถึงและต่อเนื่อง ครอบคลุมความเสียหายทางร่างกายและจิตใจ และชดเชยให้กลับคืนสู่สภาเดิมมากที่สุด โดยไม่จำกัดการเยียวยาด้วยตัวเงินเท่านั้น

 

ข่าวเกี่ยวข้อง

 

บิ๊กตู่ดัน "นิรโทษกรรม" คดีการเมือง ปลดล็อกประเทศ เว้นทุจริต

ส.ว.ชง “นายกฯ” นิรโทษกรรม ชุมนุมทางการเมือง

หนุน "นิรโทษกรรม" บิ๊กข่าวกรอง แนะลุงตู่ลุยออกกฎหมาย

ภาคเอกชนหนุนนายกฯ นิรโทษกรรม สร้างปรองดอง เชื่อเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ

ในรายงานดังกล่าว ยังเสนอแนวทางให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความขัดแย้งทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน พรรคการเมือง ผู้นำชุมนุม ฝ่ายความมั่นคง สื่อมวลชน ขอโทษต่อสาธารณชน โดยเฉพาะนายกฯ ที่บริหารประเทศในช่วงสถานการณ์รุนแรง หรือนายกฯ ที่บริหารประเทศในสถานการณ์ปัจจุบัน ควรแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะผู้นำรัฐบาล เนื่องจากรัฐมีความบกพร่อง ขาดกลไกที่มีประสิทธิภาพในการบริหารความขัดแย้งทางการเมืองให้ดำเนินไปตามครรลองสันติวิธี

 

กมธ.ยังเสนอถึงหน้าที่ของกองทัพ ควรทำภารกิจของกองทัพ งดเว้นการทำรัฐประหาร หรือแทรกแซงทางการเมือง เช่น การใช้อิทธิพลกดดันนโยบายรัฐบาล การข่มขู่ใช้กำลังหรือยึดอำนาจ กองทัพต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องปลูกฝังจิตสำนึกทหารให้ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ในการถวายสัตย์ปฏิญาณของเหล่าทัพควรกำหนดว่าจะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ทำการปฏิวัติรัฐประหาร 

 

รวมถึงยังมีข้อเสนอไปยังผู้นำการชุมนุมว่า แม้เสรีภาพการชุมชุมจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย แต่การใช้สิทธิเสรีภาพใช่ว่าจะทำได้โดยไม่มีขอบเขตจำกัด การชุมนุมจะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือ โดยสงบ ปราศจากอาวุธ

ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รายงานการศึกษาเรื่อง "แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ" ที่กมธ.จะนำเข้าสภาในวันที่ 13 ส.ค.นั้น ได้เชิญฝ่ายต่างๆ ที่เป็นคู่ขัดแย้งกันมาให้ข้อมูลต่อกมธ. เพื่อหาข้อสรุปการสร้างความปรองดอง ยุติความขัดแย้งคนในชาติที่ยาวนานมา 16 ปี 


ข้อสรุปหนึ่งในนั้นคือ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมในคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ไม่รวมการกระทำผิดคดีอาญา ความผิดตามมาตรา 112 และคดีทุจริต การนิรโทษกรรมครั้งนี้ไม่ใช่การเกี้ยเซี๊ยะระหว่างผู้กระทำผิด แต่ผู้กระทำผิดต้องมีสำนึกรับผิด ออกมาขอโทษต่อสังคม ทั้งผู้นำรัฐบาลในอดีต และรัฐบาลปัจจุบัน


"เท่าที่ได้ฟังข้อมูลจากคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายต่างพร้อมขอโทษต่อสังคม การนิรโทษกรรมครั้งนี้จะสำเร็จได้ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง  เพื่อสร้างความสามัคคีให้บ้านเมืองพ้นจากวิกฤติหลังจากนี้ เพราะวิกฤติเศรษฐกิจโควิดถือว่าสาหัสแล้ว ถ้ายังมีเรื่องความแตกแยกอีก จะยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นอยากให้นายกรัฐมนตรีนำเรื่องการสร้างความปรองดองที่กมธ.เสนอไปสานต่ออย่างจริงจัง"