สธ. ถอดบทเรียน "ทหารอียิปต์-ลูกทูตซูดาน" ติดโควิด-19 เสนอ ศบค.

15 ก.ค. 2563 | 18:05 น.

วันนี้ ! สธ. ถอดบทเรียน “ทหารอียิปต์-ลูกทูตซูดาน” ติดโควิด-19 เข้าที่ประชุม ศบค. วางมาตรการ-เฝ้าระวังป้องกัน-ควบคุมโรคที่รัดกุมเข้มข้นขึ้น ย้ำชัด ลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่ผ่าน “ไทยชนะ” มีประโยชน์ ทำให้ติดตามผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าระบบเฝ้าระวังได้ทันท่วงที

จากกรณีพบ ทหารอียิปต์ และลูกทูตซูดาน ติดเชื้อโควิด-19 ได้สร้างแรงกระเพื่อมและผลกระทบอย่างหนักหน่วงกับรัฐบาลตลอด 2-3 วันมานี้ ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมาว่า จากกรณีพบผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติในประเทศทั้งใน จ.ระยอง และ ในกรุงเทพมหานคร ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความวิตกกังวล ซึ่งกรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขปัญหา ทำความเข้าใจประชาชน ลงพื้นที่สอบสวนโรค และเฝ้าระวัง ควบคุมป้องกันโรคอย่างรวดเร็วเพื่อหากลุ่มเสี่ยงให้ครอบคลุมมากที่สุด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"สธ."สั่งเด้ง "หน.ด่านคุมโรคฯ-ทีมงาน"เกลี้ยงอู่ตะเภา

“นายกฯ"ขอคนระยองอย่าตื่นตระหนก

"ทหารอียิปต์" ล้ม ทราเวลบับเบิ้ล นายกฯ ลั่น "ผมขอรับผิดชอบเอง"

 

และเพื่อให้คนไทยเกิดความปลอดภัยจะนำบทเรียนนี้เข้าสู่ที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในวันนี้ (16 กรกฎาคม 2563) เพื่อพิจารณาและเสนอมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค ที่เข้มข้นรัดกุมมากยิ่งขึ้น

ด้าน ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การที่กระทรวงสาธารณสุขสามารถทำการสอบสวน และติดตามผู้สัมผัสมาเข้าระบบการเฝ้าระวังและตรวจหาเชื้อได้อย่างรวดเร็วนั้นมาจากระบบข้อมูล “ไทยชนะ” ที่ประชาชนได้ทำการลงทะเบียนเข้า-ออกไว้ ทำให้เราสามารถติดตามกลุ่มผู้สัมผัสที่ใช้บริการในห้างสรรพสินค้า ที่ จ.ระยอง ในช่วงระยะเวลา 11.25- 14.56 น. ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ได้จำนวน 394 รายชื่อ

 

ชี้ให้เห็นว่าข้อมูลจากระบบ “ไทยชนะ” สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง โดยขณะนี้มีกลุ่มเสี่ยงต่ำที่ได้ตรวจหาเชื้อจากรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานแล้วจำนวน 1,333 ราย และในส่วนของกรุงเทพมหานคร กรณีเด็กหญิง 9 ขวบ ที่ติดตามคณะทูต มีผู้ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมเดียวกันได้รับการตรวจหาเชื้อจากรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานแล้ว 266 ราย

อย่างไรก็ดี ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่ปกปิด รวดเร็ว และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และภาคเศรษฐกิจให้กลับมาสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด