นายกฯ ขอโทษคนไทย สั่งทบทวนสกัดโควิดรอบ 2

15 ก.ค. 2563 | 03:50 น.

นายกฯเสียใจ ขอโทษคนไทย สั่งศบค.ทบทวนทุกมาตรการ ยกเลิกสิทธิวีไอวี สกัดซํ้ารอย “ทหารอียิปต์” แพร่โควิด-19

กลายเป็นประเด็นร้อนและหวาดผวากันทั่วประเทศ เมื่อ “ทหารอียิปต์” ลงเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 1 ราย และเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่เป็นลูกอุปทูตซูดาน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะติดตามครอบครัวมาประเทศไทย 

 

ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมาตรการการควบคุมการระบาด หลังไทยสามารถเอาชนะการแพร่เชื้อในประเทศได้ยาวนานกว่า  50 วัน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ค. 63) ในวันเดียวกัน ยังพบว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยใหม่ 7 คน ล้วนเป็นผู้กลับจากต่างประเทศ และพักอยู่ใน State Quarantine  

 

นายกฯขอโทษคนไทย

 

หลังเกิดเหตุ การณ์ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้แสดงความเป็นห่วง โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าเกิดขึ้น ไม่คิด ถึงส่วนรวม ส่วนการรับผิดชอบก็ อย่าโทษกันไปกันมา ตนขอรับผิดชอบด้วย และจะต้องหาปิดจุดต่างๆ ส่งทีมเก็บข้อมูลเชิงลึกแล้ว 

 

“เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมเสียใจ ขอโทษประชาชนคนไทยด้วย ซึ่งหลายปัญหาเป็นสิ่งไม่คาดคิด”

 

พร้อมกันนั้นนายกฯ กำชับให้ศบค.ทบทวนมาตรการผ่อนคลายสถานทูต เอกอัคราชทูตทั้งหมด ที่ต้องปฏิบัติ การอนุญาตการบินเข้าของเครื่องบินทหารและเครื่องบินต่างๆ ก็ต้องต้องดำเนินการ 

 

“ไม่รับผิดชอบตามที่รับปาก ออกไปนอกพื้นที่ ขอให้กระทรวงการต่างประเทศหารือสถานทูตต่างๆ ว่าอย่าให้เกิดขึ้นอีก และให้ระงับเที่ยวบินทั้งหมดจนกว่าจะแก้ปัญหาได้ ต้องทบทวนทุกอย่าง เพราะกระทบความเชื่อมั่น ความมั่นคง และเศรษฐกิจ” 

 

นอกจากนั้น นายกฯ ยังแสดงความห่วงต่อมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในระยะนี้ เนื่องจากเห็นว่า การ์ดตกหลายอย่างของประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการ จึงขอให้รัดกุมมากกว่าเดิม ที่ท่องเที่ยวกลางคืน ผับบาร์ต้องปิดทันทีถ้าไม่แก้ไข ต้องร่วมมือกับรัฐบาลตามมาตรการที่กำหนด

 

ส่วนเรื่องนี้จะกลับมาล็อกดาวน์ใหม่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงยังไม่ถึงล็อกดาวน์ทั้งหมด แต่จะหามาตรการเข้มข้นในจุดที่มีปัญหา ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามสอบสวนโรคอยู่ อีกทั้งทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกคนถ้าไม่ทำตามระเบียบก็จะมีปัญหาหมด วันนี้สั่งการเข้มงวดทุกพื้นที่ ขณะที่เรื่องรับนักท่องเที่ยวต้องไม่ผลีผลามไม่เช่นนั้นเกิดปัญหา 

 

ศบค.รับ“การ์ดตก”

 

ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงในนามตัวแทนของ “ศบค.” ขอรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

 

“ศบค.ขอรับผิดชอบกับกรณีนี้ ผมเองก็เสียใจกับคำว่า เจ้าหน้าที่การ์ดตก เรามีอะไรที่ต้องพัฒนาตัวเอง ขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น ขออภัยชาวระยอง เราจะรับมาเป็นข้อปฏิบัติทำให้ดีที่สุด ในจุดข้อต่อเล็กๆ ที่หละหลวมทุกจุด ที่ยังไม่ละเอียดทุกจุด เราคิดว่าจะลงสุวรรณภูมิ ไม่คิดว่าจะลงที่อู่ตะเภา ก็ต้องคิดจัดการและทบทวน

 

ในนามของศบค.ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หลายเรื่องเป็นเรื่องใหม่ที่คาดไม่ถึง การดำเนินการก็ต้องปรับปรุงไปเรื่อยๆ เป็นบทเรียนที่สำคัญ ศบค.เราทำงานเต็มที่


ฝากขออภัยและขอบคุณท่านที่ร่วมมือกัน ได้เห็นความเข้มแข็งของสื่อมวลชนและทีมพื้นที่แม้จะมีประเด็นอย่างนี้ การค้นพบผู้ติดเชื้อ 1 คน เป็นความเข้มแข็ง ไม่ลดละที่จะขอตรวจแม้จะถูกปฏิเสธ นี่คือมดงานของคนทำงาน”

 

ยกเลิกสิทธิพิเศษ VIP  

 

สำหรับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีก นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ศบค.ชุดเล็กมีมติ ที่จะดำเนินการดังนี้ 1. ศบค.จะทบทวนการผ่อนคลายมาตรการกักกันของบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะ คู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว โดยจะให้กระทรวงต่างประเทศทบทวนผู้ที่เป็นนักการทูตที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้อง เข้าสู้ State quarantine กักตัวเป็นเวลา 14 วัน

 

2. ให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ดำเนินการยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ที่ได้อนุญาตไปแล้วจำนวน 8 เที่ยวบิน (17-20 และ 25-29 ก.ค.63)

 

3. ให้ชะลอการอนุญาตการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแบบผ่อนคลาย มาตรการ State Quarantine ตามข้อกำหนดฉบับที่ 12 (2), (3), (11) ไปก่อน และมีการทบทวนมาตรการควบคุมให้มีความรัดกุมรอบคอบ จึงให้มีการดำเนินการต่อไป โดยในกลุ่มคณะทูต หรือนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในระยะสั้น ก็ต้องรอไปก่อนเพื่อทบทวนมาตรการทั้งหมดภายในประเทศ ก่อนที่จะรับต่างชาติ

 

ยันผิดส่วนบุคคล

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ใน ศบค.กล่าวถึงกรณีที่พบทหารชาวอียิปต์ติดเชื้อโควิค-19 ที่จ.ระยอง ว่าเป็นความผิดส่วนบุคคลที่ลักลอบออกไปนอกพื้นที่ที่กำหนด ถือเป็นการกระทำฝ่าฝืนส่วนบุคคล ไม่ได้เกิดจากความหละหลวมหรือความผิดพลาดของระบบ เพราะจากการตรวจสอบแล้วพบว่าทุกหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่

 

ส่วนการตรวจเชื้อโควิคตามขั้นตอนนั้น สนามบินอู่ตะเภาได้มีการตรวจคัดกรองตามขั้นตอน มี 2 ลักษณะ คือ การตรวจสอบจากเอกสารต้นทาง ซึ่งสามารถยืนยันได้แล้วในระดับหนึ่ง และเพื่อความมั่นใจอีกระดับหนึ่งคือการตรวจสวอป 

 

สำหรับกรณีที่ปรากฏตามสื่อว่า “ทหารอียิปต์” ไม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำการตรวจเชื้อ เนื่องจากความไม่เข้าใจ เพราะมีเอกสารยืนยันจากต้นทางแล้ว เหตุใดจึงต้องตรวจซํ้า แต่ทางการไทยต้องการความมั่นใจจึงต้องให้มีการตรวจซํ้า

 

หลังเกิดเหตุการณ์ทหารอียิปต์และลูกอุปทูตซูดาน ติดโควิด จากนอกประเทศไทย คนไทยต้องลุ้นอีกรอบ จะมีประกาศล็อกดาวน์ประเทศรอบ 2 หรือไม่ หลังมีสัญญาณ “ต้องทบทวนทุกอย่าง” จากผู้นำรัฐบาล 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,592 หน้า 12 วันที่ 16 - 18 กรกฎาคม 2563