ล็อกดาวน์ประเทศต้านโควิด สร้างความเชื่อมั่น

13 ก.ค. 2563 | 18:05 น.

“หมอธีระ” โพสต์เฟสบุ๊ก จี้ นายกฯ-ศบค.-สมช. ล็อกดาวน์ประเทศ ชี้ ถึงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ก่อนที่จะวิกฤติมากกว่านี้

จากกรณีผู้ที่ติดเชื้อโควิด- 19 หลุดรอดจากมาตรการเฝ้าระวังและการคุมเข้มของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรณีของ ทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่ออกจากโรงแรมที่พักกักกันตัวไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าในจังหวัดระยอง และกรณีของเด็กหญิงที่มากับครอบครัวทูตซึ่งตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 แต่กลับไปพักอยู่ในคอนโด กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่เข้าถล่มรัฐบาล ไล่ตั้งแต่แม่ทัพใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง ศบค. และ สมช. เกี่ยวกับมาตรการการเฝ้าระวังและมาตรการที่ต้องคงระดับความเข้มข้นด้านสาธารณสุขเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของคนในประเทศนั้น

ล่าสุด “รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว Thira Woratanarat เรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี ศบค. และ สมช. ล็อกดาวน์ประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยอีกครั้ง

กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ศบค. และสมช.

ความศรัทธา ความเชื่อมั่น...คือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนรอดจากการระบาดระลอกแรก ปลอดภัยจนถึงปัจจุบัน

เราฉุดการระบาดที่คาดว่าจะกระจายไป 350,000 คน มาเหลือ 3,220 คนในวันนี้...เพราะการตัดสินใจดำเนินการล็อคดาวน์ได้ทันเวลาในขณะที่จำนวนเคสสะสมยังไม่เกิน 1,000 คน ตามที่โรงเรียนแพทย์ได้เรียนนำเสนอที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 19 มีนาคม 2563

หากไม่ทำตั้งแต่ตอนนั้น เราก็คงไม่ได้เป็นดังเช่นวันนี้

ผมเชื่อว่า ท่านทราบดีว่าวิกฤติที่ผ่านมานั้นเกิดจากอะไร?

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เกิดนโยบายปิดกั้นนักท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงแรก?

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์เชียร์แข่งรถในขณะที่มีโรคระบาด ทั้งๆ ที่ไม่มีตำราวิชาการแพทย์ สาธารณสุข หรือใดๆ ที่จะแนะนำให้ทำเช่นนั้น?

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์หน้ากากล่องหน หวัดธรรมดา หักหัวคิวโรงแรม ยาเสพติดรักษาสารพัดโรคไม่เว้นแต่โควิด?

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เปิดไทม์ไลน์ลูกทูต 9 ขวบ ติดโควิด

“ทหารอียิปต์” มาไทย ไม่เกี่ยวกับ “บิ๊กแดง” โฆษกทบ.วอนอย่าเชื่อมโยง

แฉ “ทหารอียิปต์” มีคนหนีจากที่พัก “ผอ.อู่ตะเภา” ยันตรวจโควิดเข้มแล้ว 

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์สองมาตรฐาน รณรงค์ให้ทุกคนในประเทศป้องกันตัวเต็มที่ แต่มีบางกลุ่มบางพวกที่ไปออกงานกับชาวต่างชาติแล้วไม่ใส่หน้ากาก ไม่เว้นระยะห่าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชนอย่างมาก?

เหตุใดจึงมีการชงมาตรการการปลดล็อคที่กำลังดำเนินไปด้วยดีในระยะต้นๆ แต่ต้องมาปลดล็อคกิจการเสี่ยงสูงภายในประเทศไปพร้อมกับแง้มประตูประเทศเพื่อเปิดรับต่างชาติหลากหลายกลุ่ม พ่วงไปกับมาตรการหาเงินเข้าประเทศจากการนำผู้ป่วยต่างชาติ...ถือเป็นการเปิดทั้ง"ศึกนอกและศึกใน"ที่หนักหนาทั้งคู่ และควบคุมได้ยากไปพร้อมกัน โดยผมเชื่อว่าไม่มีตำราพิชัยสงครามใดสนับสนุนให้ทำแบบนั้น?

 

ที่น่าเจ็บใจคือ การชงมาตรการฟองสบู่ท่องเที่ยว ที่ใช้แนวคิดแบบ "ฉันเชื่อใจเธอ เธอเชื่อใจฉัน เราจะไม่กักกัน" หวังจะผลักดันให้เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา หาเงินเข้าประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดรุนแรงทั่วโลก ที่วันนี้ทะลุ 13 ล้านคนไปแล้ว ตายไปเกินครึ่งล้าน และอัตราการติดเชื้อเพิ่ม 1 ล้านคนในทุกๆ 5 วัน...สถานการณ์แบบนี้เด็กๆ ชั้นอนุบาล ประถม หรือมัธยม หากเค้าทราบ เค้าคงถามว่า เราปล่อยให้"ใคร"ชงมาตรการอันตรายแบบนี้มาให้พิจารณาได้ ทั้งๆ ที่รู้กันดีว่าอันตราย เสี่ยงเกินไป และควรวางไว้บนหิ้งไปอีกระยะยาวนานพอสมควร กว่าจะกลับมาประเมินสถานการณ์ใหม่

 

ส่วนตัวแล้ว ผมได้พยายามให้ข้อมูล ทั้งต่อรัฐ และต่อสาธารณะ ด้วยจิตสำนึกว่า หากได้มีส่วนช่วยในการป้องกันอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ ไม่ให้คนป่วยคนตาย และอยู่รอดจากโรคระบาดที่แพร่กระจายเร็ว รุนแรง แต่ยังไม่มียามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน เพื่อยื้อเวลาให้เรามีอาวุธมาช่วยควบคุมได้ ก็ถือว่าชาตินี้ได้ตอบแทนคุณแผ่นดินในฐานะแพทย์ ครูแพทย์ และประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง และตั้งใจทำมาตลอดตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมา

 

จนกระทั่งวันนี้ เป็นไปตามที่ผมได้เคยเตือนไว้หลายครั้งว่า จะเริ่มเห็นปัญหา หลังปลดล็อครับคนต่างชาติราว 2-6 สัปดาห์ เพราะหลายประเทศที่เกิดการระบาดระลอกสองนั้นล้วนโชว์ประสบการณ์ให้เราทราบมาก่อนหน้านี้

 

สิ่งที่ใช้เพื่อนำเสนอมาตลอดนั้นเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อมาต่อสู้กับนโยบายหรือมาตรการที่ไม่เหมาะสม ที่ถูกนำเสนอ กดดัน หรือผลักดันโดยวิถีการเมืองและวิถีการรับใช้การเมือง

 

วันนี้...ผมคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ก่อนที่จะวิกฤติไปมากกว่านี้

 

ผมขอกราบเรียนเสนอให้ท่านโปรดช่วยคนไทยให้พ้นจากวิกฤติ ด้วยการใช้"คน"ที่เหมาะสม ดี มีสติ มีปัญญา มีคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม และยึดมั่นในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในความเห็นของผมนั้นดูจะเป็นหนทางเดียว เป็นคำตอบสุดท้าย ที่จะช่วยให้ไทยรอดจากปัญหา COVID-19 นี้ได้

 

ลด ละ เลิก การยอมให้มีการชงนโยบายและมาตรการที่ใช้กิเลสเป็นตัวนำ

 

ในช่วงเวลาถัดจากนี้ไป เราคงต้องช่วยกันกระตุ้นเตือน และรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยที่รักของเรา รักตัวเอง รักครอบครัว ด้วยการป้องกันตัวอย่างแข็งขัน สม่ำเสมอ ด้วยความจริงที่ว่า ความเสี่ยงตอนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเราต้องไม่ยอมให้เกิดโรคระบาดระลอกสองกลับมาทำลายเราเหมือนที่เห็นในประเทศอื่นๆ

 

แนวคิดการยอมให้คนติดเชื้อจำนวนเท่านั้นเท่านี้...เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะสถานการณ์จริงเราจะไม่มีทางควบคุมและจัดการมันได้ครับ

 

โปรดเลือกที่จะเชื่อ...ในสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม...

 

โปรดระวัง...เหตุที่เกิดมาในอดีต และจัดการที่ต้นเหตุไม่ให้มีโอกาสมาทำให้เกิดปัญหาซ้ำซาก

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาที่เกิดนั้นส่งผลโดยตรงต่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย และความมั่นคงของประเทศ

 

ถ้าไม่ป่วย ไม่ตาย...เรายังมีปัญญาอยู่รอด หาทางทำกินได้ในอนาคต

 

แต่หากป่วยและตาย...เราไม่มีทางชุบชีวิตกลับคืนมาครับ