"บิ๊กจิ๋ว" อดีตนายกฯ ในวัย 88 ปี เปิดใจครั้งแรกเรื่อง "การเมือง-พิษโควิด"

11 ก.ค. 2563 | 07:30 น.

“บิ๊กจิ๋ว” ให้กำลังใจ “นายกรัฐมนตรี” ชี้ การปกครองรูปแบบไหนก็ไม่สำคัญเท่าทำอะไรเพื่อประชาชน

หลังจากที่ไม่ได้ออกสื่อมานานวันนี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ในวัย 88 ปี เปิดใจตอบทุกคำถามทั้งเรื่องของการเมืองและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลายลง พร้อมให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่​โรงแรมมิราเคิล​ แกรนด์​ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นเรื่องของการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อาจกระทบการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจว่า การปรับครม.เพราะมาจากการเมืองซึ่งเรื่องการปรับครม.เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ในขณะนี้ประเทศไทยคนมีหนี้สินจำนวนมาก คนรวยก็มาก และเป็นประเทศเดียวที่มีเป็นร้อยพรรคการเมือง นักการเมืองก็ทะเลาะกันและกล่าวหาทหารเป็นปัญหา มีพรรคการเมืองมากแต่ประเทศอื่นมีเพียงสองพรรค เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า​ จะให้กำลังใจรัฐบาลอย่างไรนั้น พล.อ.ชวลิต บอกว่า ให้กำลังใจมานานแล้ว ให้มาตั้งแต่มีประชาธิปไตย เท่าอายุตนเองกว่า 88 ปี แต่ว่าสำคัญที่รัฐบาลให้กำลังใจตนบ้างไหม

 

เมื่อถามว่า​ รัฐบาลจะทำอย่างไรต่อจากนี้ อดีตนายกฯ บอกว่า วันนี้พูดแต่เรื่องการเมือง ใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ห่วงเรื่องเลือกตั้ง ห่วงเรื่องรัฐธรรมนูญแก้อย่างไร ส่วนตัวไม่มีความจำเป็นต้องห่วงเรื่องแบบนั้น การปกครองทุกรูปแบบ ไม่ว่าเป็นแบบใด ก็ไม่มีใครพูดเรื่องแบบนี้เหมือนที่เรากำลังพูด สิ่งเดียวที่เขาพูด คือ ​จะทำอะไรเพื่อประชาชนได้บ้าง นี่คือ สิ่งสำคัญที่สุด

 

ต่อข้อถามว่า​ การปรับครม.ไม่สำคัญในการบริหารประเทศ​ พล.อ.ชวลิต​ บอกว่า ไม่ใช่ปรับเวลานี้ ทุกอย่างมีการปรับเปลี่ยนแปลงมาตลอด ปรับทีก็ทะเลาะกัน ทหารก็เข้ามา ตอนแรกทหารได้เครดิตดี พออยู่ๆไป เครดิตก็ตกลงไปก็เกิดเรื่อง นักการเมืองเอาพี่น้องประชาชนมาเดินขบวน ก็มีเรื่องอีก เป็นแบบนี้เรื่อยมา ถ้าจะถามว่า สถานการณ์การเมืองเป็นอย่างไรตอบเลยว่า เหมือนเดิมเมื่อ 88ปีที่แล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่อง “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” ลุงตู่ ในวัน 4 กุมารระส่ำ

"จุรินทร์" ยัน ยังไม่ได้รับสัญญาน "ปรับครม."

"สมคิด" เผยพร้อมทุกอย่างตั้งแต่ปีที่แล้ว โยนปรับครม.อยู่ที่นายกฯ

ถามว่า​ มองการบริหารงานรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา​ อย่างไรนั้น​ อดีตนายกฯ กล่าวว่า ทุกรัฐบาลมีนายกรัฐมนตรีที่ดีทุกคนมีความตั้งใจดี ไม่เช่นนั่นเขาคงไม่ให้เป็นนายกฯ เพราะฉะนั้น นายกฯต้องรู้จักปรับตัวและรู้ว่า ประชาชนต้องการอะไร ทุกวันนี้ก็รู้ว่า ประชาชนต้องการอะไร แต่สำคัญจะเอาเงินมาจากไหน ทุกวันนี้มีหนี้สิน 8​ ล้านล้านบาท จีดีพีติดลบ 8-10% จะเป็นปัญหาทั้งสิ้น​การจะแก้ไขอย่างไรต้องช่วยกันคิด

เมื่อถามว่าภาระหนี้มากมายจะแก้ปัญหากันอย่างไร พล.อ.ชวลิต​ บอกว่า​ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการแพร่ระบาดโรคโควิด19 ซึ่งทุกคนก็ว่าอย่างนั้น ส่วนข้อเสนอแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องง่ายมากเพราะประเทศไทย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรใต้ดินตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง มีแร่ธาตุมากมายมี เหล็ก แมงกานิส ขุดไปทุกที่ตรงไหนก็เจอ ใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ขุดขึ้นมาก็ร่ำรวยแล้ว

 

ถามว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะไปรอดหรือไม่ในการแก้ไขเศรษฐกิจ​ พล.อ.ชวลิต​ กล่าวว่า ขอให้ปรับตัวรู้ว่า จะหาเงินไหนมาเพื่อมาทำประโยชน์ให้ประชาชน ซึ่งขณะนี้กองทุนต่างชาติหลายแห่ง ต้องถามตัวเองว่าทำไมกองทุนเหล่านี้ให้ ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา แต่ไม่ให้ไทย เพราะเหตุใด “จำเป็นต้องให้ ไม่ให้แล้วจะให้ใคร และรัฐบาลชุดนี้อาจจะอยู่ 10 ปีก็ได้ หรือต้องไป นายโสรัจจะ นวลอยู่ โหรดังทำนาย” พล.อ.ชวลิต กล่าวและว่า ถึงตอนนี้ยังให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่​ 

 

ถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเหมาะสมเป็นนายกฯได้หรือไม่​ พล.อ.ชวลิต กล่าวติดตลกว่า “ก็ดีนะ แต่ตัวเตี้ยไปนิด” เมื่อถามว่า จะให้กำลังใจ ข้อแนะนำ พล.อ.ประวิตร ในฐานะที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคมาก่อนอย่างไร พล.อ.ชวลิต​ กล่าวว่า ก็ไม่มีอะไร พล.อ.ประวิตรมีประสบการณ์สูงอยู่แล้วซึ่งการเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ต้องเสียสละและรู้ว่า จะบริหารประเทศอย่างไร รู้ปัญหาของชาติตรงไหน อะไรบ้าง การบริหารประเทศทำกันอย่างไร 

 

เมื่อถามว่า​ เรื่องการต่อรองของนักการเมืองที่เข้ามาตั้งก๊วน​ก๊กเพื่อเข้ามาหาผลประโยชน์ พล.อ.ชวลิต​  ย้อนถามว่า ต้องถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นและจะแก้กันอย่างไร เพราะประเทศไทยมีหลักสำคัญ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีเสาหลัก 5 เสา คือ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง การต่างประเทศ ซึ่ง 5 เสาต้องปกป้องให้ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่ได้แต่ถ้าเสาการเมืองไม่รอด เสาอื่นก็อยู่ไม่ได้ เสาอื่นทำไม่ได้ ไม่มีทางทำสำเร็จ เพราะฉะนั้น ตอนนี้การเมือง การปกครองทำไม่ถูกต้อง และมีปัญหาการเมือง มีพรรคจำนวนมาก นักการเมืองทะเลาเบาะแว้งกัน ต่างจากประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตย แม้ประเทศใหญ่มีแค่สองพรรค ที่สำคัญไม่พูดเรื่องตำแหน่งทางการเมือง ประเทศไทยเคยมีแล้ว สองพรรคใหญ่ ยกตัวอย่างมีครั้งปี​ 40-41 

ย้อนถามว่าพล.อ.ประวิตรมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ชวลิต​ กล่าวว่า อยู่ที่พล.อ.ประวิตร ส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำหน้าที่ไปได้ดี พล.อ.ประยุทธ์ จะวางมือทำไมยังไม่เหนื่อยก็ต้องทำงานเดินทางไปที่นั่นที่นี่ อีกทั้งพล.อ.ประวิตร เป็นรุ่นพี่ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความเกรงใจ แต่อย่าเอาความเกรงใจมาอยู่เหนือความเจริญของประเทศชาติ ส่วนรวม ไม่ถูกต้อง ส่วนการทำงานรัฐบาลได้บอกว่า จะทำอย่างไร 

 

เมื่อถามว่า​ จะปิดประตู พล.อ.ประวิตร นั่งนายกฯหรือไม่ พล.อ.ชวลิต​ กล่าวว่าไม่ตอบคำถามนี้ ไม่ใช่คำตอบที่แก้ปัญหา แต่จะแก้ปัญหาอย่างไร ให้เกิดการปกครองเพื่อประชาชนโดยประชาชน หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตย เรื่องนายกรัฐมนตรี ใครก็เป็นได้ถ้ามีความรู้ความสามารถที่แท้จริง เมื่อถามย้ำว่า สถานการณ์ในขณะนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่าพล.อ.ประยุทธ์แล้วใช่หรือไม่​ พล.อ.ชวลิต​  กล่าวว่าไม่รู้​ เราจะไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะคนดีก็มีอยู่แต่ยังไม่แสดงฝีมือ