“สุวิทย์”เคารพการตัดสินใจนายกฯ หากมีการเปลี่ยนแปลง

09 ก.ค. 2563 | 14:00 น.

"สุวิทย์"แจงเหตุ“4 กุมาร”ลาออกพ้นพปชร. เพื่อทำงานในฐานะรัฐมนตรีเป็นอิสระจากการกดดันทางการเมือง หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเคารพการตัดสินใจของนายกฯ

วันนี้ (9 ก.ค.63) นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร๋ วิจัยและนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)  ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงเหตุผล “4 กุมาร” ลาออกจากสมาชิก พปชร.ว่า

 

“หลายท่านคงทราบข่าวเรื่องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐของผมแล้วนะครับ

 

ผมสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้ช่วยกันกับหลายๆ ท่านในการก่อร่างสร้างพรรคฯ อย่างไม่เป็นทางการมาระยะหนึ่งแล้ว จนเมื่อเดือนมกราคม 2562 ผมพร้อมด้วยเพื่อนๆ อีก 3 ท่านคือ อาจารย์อุตตม พี่สนธิรัตน์ และ ดร.กอบศักดิ์ ได้ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อไปปฏิบัติงานด้านการเมือง สู้ศึกเลือกตั้ง มีนาคม 2562 เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอย่างเต็มตัวในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

 

ถึงแม้ผมจะทำงานด้านการเมือง แต่ผมก็มักออกตัวอยู่เสมอว่าผมไม่ใช่ "นักการเมือง" การทำงานของผมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการบริหารราชการฯ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี มากกว่าการบริหารการเมืองหรือบริหารพรรคการเมือง

 

และขณะนี้พรรคพลังประชารัฐได้เดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผมได้หารือกับเพื่อนๆ ทั้ง 3 ท่านเห็นพ้องกันว่า เพื่อให้การทำงานในฐานะรัฐมนตรีของเราเป็นอิสระจากการกดดันทางการเมือง จึงขอ "ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ" และทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ และได้รับความไว้วางใจจากท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไปนั้น ผมเคารพในการตัดสินใจของท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดครับ ผมเชื่อมั่นว่าไม่ว่าท่านนายกฯ จะตัดสินใจอย่างไรนั้น ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญทั้งสิ้นครับ


 

นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เข้ามาช่วยงานท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนถึงทุกวันนี้ อุดมการณ์และความตั้งใจของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือการนำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เข้ามาทำงานในการบริหาร ขับเคลื่อน และพัฒนาประเทศไทยให้พัฒนาต่อไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง

 

ผมขอบพระคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กับผมมาโดยตลอด ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้พรรคพลังประชารัฐครับ  

 

ตราบใดที่เรายังเป็นคนไทย เรามีพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจพระองค์เดียวกัน มีประเทศไทยอันเป็นที่รักอันหนึ่งอันเดียวกัน ผมเชื่อว่ามีคนไทยอีกหลายล้านคนที่คิดและทำเหมือนผม โดยที่ไม่ได้ผูกโยงตัวเองเข้ากับการเมือง อำนาจ หรือตำแหน่งต่างๆ ขอเพียงเราทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด สุจริต โปร่งใสที่สุด ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน ช่วยกันสานต่อเจตนารมณ์นี้ด้วยกันต่อไปนะครับ”