ปรับครม.? “ทีมอุตตม” คุมต้นทางงบ’64

08 ก.ค. 2563 | 06:25 น.

สัญญาณชัดนายกฯลุงตู่ลากยาวการปรับคณะรัฐมนตรี 2/2 ออกไปยาวถึงกันยายน หลังการพิจารณางบประมาณ 3.3 ล้านล้านเสร็จสิ้นลง “ทีมสมคิด” นั่งคุมแปรญัตติงบพรึ่บ 5 คน “อุตตม-วราเทพ -พรชัย-วิเชียร-สันติ” คอยคัดท้าย กลางมรสุมกดดันลุงตู่

ผลจากการลงมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ในวาระ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร และมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 จำนวน 72 คน แปรญัตติภายใน 30 วัน ทำให้แรงกดดันในการปรับคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2/2 มีสัญญาณชัดเจนว่า น่าจะเกิดขึ้นหลังพรบ.งบประมาณผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาในเดือนกันยายน 2563

 

ทั้งนี้เพราะกรรมาธิการฯ ที่ทางรัฐบาลเสนอไป 18 คน ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายวราเทพ รัตนากร นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ นายวิเชียร ชวลิต นายสันติ กีระนันทน์ นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี พล.อ.กิตติทัศน์ เปี่ยมสุวรรณ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นางผ่องศรี ธาราภูมิ นายนพดล พลเสน นายไผ่ ลิกค์ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายวัชรพล โตมรศักดิ์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ฯ

 

กรรมาธิการฯ ชุดนี้ จะต้องทำหน้าที่ผลักดันกรอบงบประมาณปี 2564 ที่ตั้งไว้ 3,300,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.1% เป็นงบลงทุนกว่า 674,868 ล้านบาท โดยเป็นงบขาดดุลถึง 623,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ตั้งไว้ 469,000 ล้านบาทให้ได้ มิเช่นนั้น จะทำให้มีการแปรญัตติและตัดงบประมาณในส่วนที่เป็นสาระสำคัญออกไป

 

นอกจากนี้ ต้องรักษาวงเงินงบกลางตั้งไว้ที่ 614,612 ล้านบาท คิดเป็น 18.6% ของงบประมาณรวมทั้งหมด จากปีก่อนที่ตั้งไว้ 518,770 ล้านบาท โดยที่งบก้อนนี้ถูกส.ส.กล่าวหาว่าเป็นการตีเช็คเปล่าเนื่องจากมีเฉพาะหัวข้อกับวงเงินแต่ไม่ระบุรายละเอียดโครงการ ทำให้รัฐสภาไม่มีโอกาสพิจารณากลั่นกรอง

 

ขณะที่พรรคก้าวไกล ได้เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จากคดียุบพรรค เข้ามาเป็นหนึ่งในกรรมาธิการฯ ร่วมกับ ส.ส.อีก 5 คน ประกอบด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล และ นายเอกภพ เพียรพิเศษ

 

งบกลางที่มีการกล่าวหาว่าเป็นการตีเช็คเปล่ามีทั้งหมด 12 รายการ ในจำนวนนี้มีรายการเพิ่มมาใหม่ 1 รายการคือ รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 40,325 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบของสำนักงบประมาณสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี

 

ขณะที่งบกลางอีก 4 รายการที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงบประมาณวงเงินรวม 103,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงวงเงินเมื่อเทียบกับปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินและต้อนรับประมุขต่างประเทศ, ค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง

 

ยกเว้นงบประมาณในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น ซึ่งรัฐบาลมีการตั้งงบเพิ่มขึ้นเป็น 99,000 ล้านบาท

 

งบกลางที่อยู่ในความดูแลของกรมบัญชีกลาง สังกัดกระทรวงการคลัง 7 รายการ วงเงินรวม 471,286.6 ล้านบาท ล้วนแล้วแต่มีการเปลี่ยนแปลงวงเงินที่ตั้งไว้ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในการปรับครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการโละกรรมการบริหารชุดก่อตั้งพรรคและมี นายอุตตม นายสนธิรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค

 

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 นายกฯกล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม.ว่ารัฐบาลยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจมาปีนี้ทั้งปีแล้วเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส.เป็นรัฐมนตรีที่เหมาะสมนายกฯ ก็จำเป็นต้องมีในตรงนี้ด้วย อันนี้เป็นการพูดกันของการเมืองไปผมไม่อยากให้การเมืองพันกันไปทั้งหมด แล้วบ้านเมืองเสียหาย ใครรับผิดชอบ ใครจะแก้ไหว ถ้าต่างประเทศเขาเชื่อไปด้วยยิ่งไปกันใหญ่

 

สำหรับรัฐมนตรีที่อยู่ในการข่ายต้องปรับเปลี่ยน ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ

 

โดยมีข่าวว่าได้มีการทาบทาม นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม นายสุพัฒน์พงศ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) นายบุญทักษ์ หวังเจริญ และนายปรีด ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มาเป็นทีมเศรษฐกิจชุดใหม่

 

ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ต้องการเข้ามาดำรงตำแหน่งรมว.พลังงาน แทนนายสนธิรัตน์

 

รายงานข่าวแจ้งว่า ถ้านายกฯปรับเปลี่ยนนายอุตตม นายสนธิรัตน์ พ้นครม.ตามแรงบีบของนักการเมือง นายสมคิด ก็พร้อมลาออกด้วย

 

ขณะเดียวกันมีรายงานว่านายกฯ ประยุทธ์ ได้ส่งคนไปทาบทาม นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง หัวหน้าพรรคกล้า มาเป็น รองนายกฯควบ รมว.คลัง เพื่อดูแลภาพรวมในการแก้วิกฤติเศรษฐกิจที่มีสัญญาณว่าจะติดลบเลข 2 หลักในปีนี้ 

 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,590 วันที่ 9 - 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563