จากกรณีที่มีส.ส.ในสภาอภิปรายข้อมูลการกระทำของ คลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่ง เรียกเก็บเงินจากการตรวจสุขภาพประชาชนในกรุงเทพฯ ที่ส่อไปในทางทุจริตนั้น ในวันนี้ (3 กรกฎาคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ดสำนักงานหลักประกันสุขสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในวันนี้ได้เชิญ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หารือเพื่อรับทราบรายละเอียดและข้อมูลในเรื่องดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดเกณฑ์“สปสช.”จ่ายชดเชยค่ารักษาโควิด-19
ข้อเท็จจริงตัดงบกองทุนหลักประกันสุขภาพกระทบสิทธิ์ “บัตรทอง”?
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ให้ทาง สปสช.ตรวจสอบพบคลินิกชุมชนอบอุ่นมีความผิดปกติ เรียกเก็บเงินเกินงานที่ได้ทำจริง และได้รีบพิทักษ์ผลประโยชน์ของทางราชการ สามารถเรียกเก็บเงินคืนจากคลินิกที่มีปัญหาได้แล้วประมาณ 60 ล้านบาท จากจำนวน 72 ล้านบาท และในวันนี้ เลขาธิการ สปสช.ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้นักกฎหมายไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไปตามขั้นตอน
ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในส่วนของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบคลินิกที่มีปัญหาโดยละเอียด หากพบการกระทำผิดในมาตรา 73 ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พบข้อมูลที่เป็นเท็จจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจสอบพบว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้รับบริการจะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ประสงค์ไม่ดีต่อทางราชการที่ฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์ต่อประชาชนจะถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด