“จะต้องไปพูดคุยเรื่องอะไร และผมก็ยังเห็นว่าทุกคนท่านก็ยังทำงานกับผมดีมาโดยตลอด วันนี้ผมก็สั่งงานในห้องประชุม ทำไมจะต้องคุยหรือให้กำลังใจ เพราะเรื่องนั้นเป็นเรื่องของพรรค เรื่องของพรรคก็ต้องเป็นเรื่องของพรรค”
เป็นวลีเด็ดจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ออกมาสยบกระแสข่าว จะปรับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง อดีตหัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการพรรค ให้พ้นจากครม. “ประยุทธ์ 2/1” หลังกลุ่มอำนาจใหม่ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พยายามเคลื่อนไหวกดดันให้ “บิ๊กตู่” เร่งตัดสินใจ เก้าอี้ในรัฐบาล หวังสอดรับกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารพรรคแกนนำรัฐบาลใหม่
ขณะที่กระแสสังคม ดูเหมือนไม่ตอบสนอง การเสนอชื่อ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค หลังผลสำรวจซูเปอร์โพลหนุนรัฐมนตรีทีม 4 กุมาร ประกอบด้วย นายอุตตม นายสนธิรัตน์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ อดีตกก.บห.พรรค ทำงานต่อ และไม่เห็นด้วยกับการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี
ผลโพลดังกล่าวทำให้แกนนำพรรคต้องออกมาปฏิเสธแทบไม่ทัน ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลัง ประชารัฐ ออกมาระบุว่า “อาจารย์แหม่ม” จะเป็นหัว หน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เรื่องนำทีมเศรษฐกิจรัฐบาล มีภารกิจในการเขียนนโยบาย และไม่ใช่นำทีมเศรษฐกิจรัฐบาล
ท่ามกลางกระแสข่าว นายสนธิรัตน์ เตรียมแถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากช่วงก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์ ได้เดินทางเข้าห้องทำงานส่วนตัวของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ภายในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งภายหลัง นายสนธิรัตน์ ปฏิเสธข่าวเตรียมแถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกพลังประชารัฐ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่มีข่าว”
“การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เป็นไปตามช่วงเวลา อย่าไปคิดว่าเป็นปัญหา เพราะคงไม่ได้เป็นสิ่งที่เอาเป็นตัวหลัก สิ่งสำคัญ คืออะไรที่ทำแล้ว ทำให้บ้านเมือง และการทำงานของรัฐบาลแข็งแรงขึ้น สามารถขับเคลื่อนการทำงาน เพื่อแก้ไขวิกฤตให้ดีขึ้น ซึ่งนั่นคือทิศทางที่ต้องทำ
ผมได้ให้กำลังใจ นายอนุชา ตั้งแต่วันเลือกตั้ง พร้อมกับบอกว่า อะไรที่ผมสามารถสนับสนุนได้ผมก็ยินดี การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะคิด หรือตัดสินใจจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ และยังไม่ถึงขั้นจะตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อรองรับการเรื่องตั้งครั้งต่อไป”
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันเดียวกันยังมีปฏิกิริยาจากกลุ่มอำนาจใหม่ในพรรคพยายามเคลื่อนไหวสกัดทีมเศรษฐกิจพรรคชุดเดิมอย่างเต็มที่ โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
ตอกยํ้าว่า การปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจไม่ใช่ตำแหน่ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เพียงแค่ตำแหน่งเดียว เชื่อว่านายกฯ จะพิจารณาในตำแหน่งอื่นๆ ด้วยเพื่อให้คนเก่ง มีชื่อเสียง มีฝีมือเข้ามาทำงาน
นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า อาจมีการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกรณีว่าทีมเศรษฐกิจมีนางนฤมล เพียงคนเดียว ความจริงเรามีทีมเตรียมไว้ทั้งคนนอก ที่จะเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคมาก แต่ยังไม่อยากเปิดเผยชื่อ ที่ผ่านมาบุคคลที่มีชื่อเสียงอยากมาช่วย แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะติดที่นายสมคิด และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่มีทฤษฎีที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ในตอนนี้แล้ว พูดได้ว่าไม่เวิร์ก จึงทำให้คนใหม่ไม่สามารถเข้ามาได้
“ผมคิดว่าถ้านายสมคิด ออกไป ก็จะทำให้คนใหม่เข้ามาได้อีกเยอะ โดยเฉพาะการทำงานด้านเศรษฐกิจ และสิ่งที่ผมพูดสะท้อนมาจากความคิดเห็นของประชาชนที่เบื่อหน่าย กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้น การแก้ปัญหาจำเป็นต้องระดมคนใหม่เข้ามาช่วยกัน”
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,588 หน้า 12 วันที่ 2 - 4 กรกฎาคม 2563