วันนี้(4 มิ.ย.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมาน มานะกิจ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลังงานชุมชน ได้เผยแพร่แถลงการณ์เกี่ยวกับกระแสข่าวปรับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พ้นจากตำแหน่ง โดยไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพราะเครือข่ายพลังงานเห็นว่า นายสนธิรัตน์ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการสร้างผลงานที่ชัดเจน และเกี่ยวเนื่องกับความเป็นอยู่ของคนในชุมชน โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ค่อนชัดเจน
เช่น การขับเคลื่อนนโยบายพลังงานทดแทน พลังงานทางเลือกและไบโอดีเซล ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันขยับขึ้น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก มีการจ้างงานเกิดขึ้นในชุมชน และเกษตรกรจะได้ประโยชน์จากการปลูกพืชพลังงาน และพืชพลังที่เหลือใช นอกจากนี้ยังนำงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 5,600 ล้านบาท นำไปให้เกิดประโยชน์ในภาคการเกษตร
สำหรับสาระสำคัญของแถลงการณ์ได้แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะปรับนายสนธิรัตน์ ออกจากตำแหน่ง โดยมีเนื้อดังนี้
1.นโยบายด้านพลังงานของนายสนธิรัตน์ เป็นนโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานรากประชาชนในชุมชนได้รับประโยชน์
2.นโยบาย Energy for All พลังงานเป็นของทุกคนเป็นนโยบายที่ดีทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนที่ให้วิสาหกิจชุมชน 200 ครัวเรือนถือหุ้น ทั้งโครงการโซล่าเซลล์เพื่อการเกษตร พลังงานชุมชนอื่นๆ ได้มีส่วนร่วมและรับประโยชน์
3.มีนโยบายเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งตั้งแต่ได้สถาปนาเป็นกระทรวงพลังงานขึ้นมา มีรัฐมนตรีว่าการฯ มาแล้วหลายท่าน ยังไม่เคยเห็นว่ามีนโยบายที่ตอบสนองกับประชาชนคนรากหญ้า มีครั้งนี้ที่ตอบสนองรากหญ้าชัดเจนและ
4.ในนามเครือข่ายพลังงานชุมชนขอสนับสนุนให้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้เดินหน้าโครงการให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์กำลังพลิกกลับ สังคมออนไลน์มีกระแสสนับสนุนกลุ่ม 4 กุมาร พร้อมด้วยภาคประชาชนที่เห็นผลงานและได้ประโยชน์จากนโยบาย
เช่นเดียวกับฝ่ายการเมือง และนักวิชาการที่วิเคราะห์ว่า หากพรรค พปชร.มีการปรับ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรค พปชร. และ นายสนธิรัตน์ ออก จะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลกลายเป็นการเมืองแบบเก่า มุ่งไปที่ผลประโยชน์ของฝ่ายการเมือง ต่างจากการบริหารของกลุ่ม 4 กุมาร ที่เป็นเทคโนแครตที่บริหารงานผ่านการกำหนดนโยบายอย่างเป็นมืออาชีพ