“เทวัญ”ลั่น “ต้องเป็นธรรม” ปมเงินชดเชยคลื่น2600 อสมท

26 พ.ค. 2563 | 02:00 น.

สุวิทย์”เผย “เทวัญ”สั่งตรวจสอบเงินชดเชย "คลื่น2600 อสมท" ย้ำต้องความเป็นธรรม เหตุคนสนใจ-เฝ้ามองอยู่ หลังสหภาพฯ ยื่นร้องขอให้ตรวจสอบโดยละเอียด

นายเทวัญ  ลิปตพัลลภ

 

จากที่นายสุวิทย์ มิ่งมล ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)  ได้เข้าพบนายเทวัญ  ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแล อสมท เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา  เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีสหภาพได้ยื่นคำร้องให้ยับยั้งคำสั่งของนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อํานวยการใหญ่ อสมท ที่แต่งตั้งผู้บริหาร 6  คนโดยมิชอบ เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท (ผอ.อสมท.) ในการแต่งตั้งผู้บริหาร อันส่อเข้าข่ายมิชอบ และเป็นการ “ลักไก่” มติบอร์ด

 

นอกจากนั้นประธานสหภาพแรงงาน อสมท ยังได้หยิบยกประเด็นผลประโยชน์การเวนคืนคลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ ที่ กสทช. จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับ อสมท ซึ่งทราบว่า มีการวางแผนกันในการแบ่งค่าชดเชยแทนให้เอกชนบางส่วนโดยมิชอบ จึงขอให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งกำกับดูแล อสมท ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด เพราะอาจจะมีการร่วมกันทุจริตผลประโยชน์ในองค์การของรัฐ

 

ประธานสหภาพแรงงาน อสมท เปิดเผยว่า หลังได้รับหนังสือดังกล่าว นายเทวัญ รับปากต้องให้เกิดความเป็นธรรม เพราะตอนนี้เรื่องคลื่นความถี่ 2600  คนให้ความสนใจและเฝ้ามองอยู่

 

นายสุวิทย์ มิ่งมล

 

ส่วนกรณีเงินจ่ายเงินชดเชยคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ ให้กับ อสมท นั้น  นายสุวิทย์ ระบุคืบหน้าล่าสุดว่า มีการถามมาที่อสมท จะให้ กสทช  แบ่งให้ หรือจะให้ อสมท แบ่งเองในเรื่องที่เกี่ยวกับคู่สัญญา ซึ่งทาง อสมท สะท้อนไปว่าในมุมของอสมท มองว่าก่อนที่จะบอกว่าแบ่งให้ หรือไม่แบ่งให้ยังไม่นิ่งเรื่องตัวเงิน 

 

“อย่างล่าสุดที่จะให้ค่าคลื่นที่จะให้มา 3 ตัวเลข คือ 1,573.4 ล้านบาท     3,809.8 ล้านบาท  และ 6685.1 ล้านบาทนั้น  หากมองตามหลักความยุติธรรมและความสมเหตุสมผล ถ้าคน อสมท เป็นคนสุดโต่ง เราจะขอดูตัวเลขก่อนที่จะเอาคลื่นไปจากเรา เพราะการที่จะคลื่นไปจาก อสมท ไม่เหมือนเอาคลื่นจากที่อื่น เพราะของเรามีแผนธุรกิจอยู่แล้ว แต่ที่สุด เราเห็นแก่การพัฒนาบ้านเมืองเราก็ให้ไป” 

 

นายสุวิทย์   กล่าวว่า แต่พอวันนี้ได้คลื่นจากเราไป แล้วเอาไปประมูล 5 จี เห็นมูลค่าแล้ว แล้วบอกจะคืน อสมท เท่าไร ซึ่งเรามองว่าไม่ยุติธรรมกับ อสมท และถ้าจะมองจริงๆแล้ว อสมท จะได้มากหรือได้น้อย ไม่ใช่พนักงานหรือคนใดคนหนึ่งได้ เพราะหลักสำคัญคือ คนที่ถือ หุ้นใหญ่ของอสมท คือกระทรวงการคลัง เพราะฉะนั้นหลักนี้ เราได้นำเรียน รัฐมนตรีประจำสำนักฯ ว่า อยากให้ท่านดูเรื่องความสมเหตุสมผลและก่อนที่จะแบ่งหรือไม่แบ่ง หรือจะแบ่งให้ใคร ตัวเลขควรจะเคาะลงมาให้ชัดเจนก่อน


 
ส่วนถ้าจะแบ่งให้ใครค่อยดูอีกที โดยดูความสมเหตุสมผลว่า คนที่จะมาเกี่ยวข้องลงทุนไปเท่าไร แผนธุรกิจเป็นอย่างไร เพราะประการแรก ท้ายที่สุด อสมท ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ รัฐ และสองเงินที่จะจะไปจ่ายชดเชยให้ใครก็แล้วแต่  ถึงเป็นเงินที่ได้มาจากการประมูล แต่เงินที่ได้มาก็คือประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด   นี่คือที่สะท้อนไป  ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักฯ ก็รับข้อมูลไปทั้งหมด และจะพิจารณา ก็จะพิจารณาและแจ้งให้ทราบ ซึ่งก็ถือว่าให้เราสะท้อนปัญหาและแสดงความเห็น จากนี้เราจะมาดูว่าผลจะเป็นอย่างไร

 

ผลจะเป็นอย่างไรเราก็คาดหวังไปในทางที่ดีขึ้น เพราะเรื่องคลื่นเราก็ไม่อยากให้ตัดสินด้วยอคติ ถูกมองว่าเป็นลัทธิผูกขาด ทั้งที่ความเป็นจริงเราเรียนกับ รัฐมนตรี ว่า อสมท ไม่ได้เป็นอย่างนั้นสัมปทานก็ส่งเข้าคลัง ไม่ใช่คน อสมท มาแบ่งกันเอง รายได้จากการประกอบการใหญ่ๆมาจากคน อสมท ที่ต้องแข่งขัน ต้องทำรายการให้น่าดู จึงจะได้แรตติ้ง  โฆษณาจึงจะเข้า  เหล่านี้คือจุดที่ อสมท ไม่เหมือนรัฐวิสาหกิจอื่นๆ
 

 


นายสุวิทย์  กล่าวอีกว่า ที่บอกว่าความไม่เป็นธรรมอีกอย่างคือ กฎหมายมันแย้งกัน เพราะตามพ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจบอกว่ารัฐวิสาหกิจใดก็แล้วแต่ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่หรือมีกองทุนในนี้ถือว่ายังเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่กฎหมาย อสมท บอกว่าเป็นของเอกชนและต้องเสียเงินก้อนใหญ่ไปจากการประมูลช่อง

 

“ เรื่องนี้ผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ในรัฐบาล และเคยคุยแม้แต่กับนายวิษณุ เครืองงาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นปรมจารย์ด้านกฎหมาย  ท่านก็ยอมรับว่ากฎหมายเข้าข่ายกฎหมายขัดแย้งกัน และบอกว่ามีเป็นความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นกับอสมท เพราะในมุมของความไม่เข้าใจที่มันเกิดขึ้นจริงๆเพราะฉะนั้นวันนี้เงินชดเชยในส่วนของอสมท จะได้เราบอกว่าให้มองบนพื้นฐานของความเป็นธรรม ไม่ใช่ว่าได้มาเยอะแล้ว อสมท จะอู้ฟู่  เอาไปโน้นเอาไปนี่ มันไม่ใช่เลย เมื่อได้เงินมาต้องแจ้งผู้ถือหุ้น ต้องแจ้งตลาดหลักทรัพย์ ต้องเข้าที่ประชุม ไม่ใช่ได้มาแล้วพนักงานจะเอาเงินแบ่งกันไม่ใช่ตรงนั้น”

 

คลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิรตซ์    ต้องยอมรับว่าในหมวกของผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนหนึ่ง  ที่ถือหุ้นอสมท เพราะรู้ว่า อสมท ถือครองคลื่นตัวนี้อยู่ ที่ผ่านมาเราถืออย่างชอบธรรม  และจ่ายค่าธรรมเนียมทุกปี" นายสุวิทย์  กล่าวในตอนท้าย