ครม.ไฟเขียวปล่อยกู้ปลอดดอกเบี้ยสร้างระบบเก็บน้ำในไร่นา

24 ก.พ. 2563 | 07:43 น.

รัฐบาลเดินหน้าโครงการสนับสนุนเงินทุนสร้างระบบน้ำในไร่นาระยะที่ 2 วงเงิน 508.2 ล้านบาท ให้สมาชิกกู้ยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์นำไปพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ของเกษตรกรโดยไม่คิดดอกเบี้ย

24 กุมภาพันธ์ 2563 ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกรระยะที่ 2 วงเงิน 508.2 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร

สำหรับโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสถาบันเกษตรกร มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสรรเงินทุนให้สมาชิกกู้ยืมนำไปพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่เกษตรของตนโดยไม่คิดดอกเบี้ย ส่งเสริมการจัดระบบพื้นที่เกษตรให้มีแหล่งน้ำเป็นของตนเองลดการพึ่งพาน้ำจากธรรมชาติและระบบชลประทาน และสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพได้ต่อเนื่องทั้งในและนอกฤดูกาล ปลูกพืชหลากหลายชนิด เลี้ยงสัตว์และประมง เป็นระบบเกษตรแบบผสมผสานตามทฤษฎีใหม่

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการโครงการระยะที่ 1 (ปี2559 - 2564) ไปแล้ว วงเงิน 302.9 ล้านบาท โดยมีสมาชิกสนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 28,000 ราย แต่สามารถจัดสรรเงินให้กู้ยืมได้เพียง 6,014 ราย ซึ่งเกษตรกรที่เขาร่วมโครงการสามารถประกอบชีพเกษตรกรรมได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทำให้มีรายได้เพียงพอสามารถชำระหนี้ได้ตามเป้าหมายในเวลาที่กำหนด

ส่วนโครงการระยะที่ 2 นี้ ตั้งเป้าหมายจะมีสมาชิกเข้าร่วม 10,000 ราย เป็นสถาบันเกษตรกร 350 แห่ง ใน 51 จังหวัด ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

1.สมาชิกต้องไม่เคยรับการสนับสนุนจากโครงการอื่นของรัฐในลักษณะเดียวกัน 2.มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ทำกินในพื้นที่อย่างถูกกฎหมาย หากเป็นที่เช่าทำกิน ต้องมีระยะเวลาเช่าครอบคลุมระยะเวลาโครงการและต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ 3.พื้นที่ทำกินรายละ 10 ไร่ หรือรวมกับสมาชิกทุกรายในสหกรณ์นั้นๆแล้วเฉลี่ยได้รายละ 10 ไร่ โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการรวม 6 ปี (พ.ศ.2563 – 2568) วงเงินโครงการรวม 508.2 ล้านบาท ใช้งบประมาณจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร แบ่งเป็น เงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ย วงเงิน 500 ล้านบาท ระยะเวลา 6 ปี จัดสรรให้สมาชิกกู้ยืมรายละไม่เกิน 50,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการขุดสระเก็บน้ำในพื้นที่ 1 ไร่ ความลึก 2 เมตร หรือขุดเจาะบ่อบาดาล เจาะจนถึงระดับที่มีน้ำ พร้อมจัดซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง หากมีค่าใช้จ่ายเกิน 50,000 บาท สมาชิกต้องสมทบเอง อีกส่วนเป็นเงินจ่ายขาด วงเงิน 8.2 ล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการโครงการของหน่วยงานราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

การชำระเงินกู้ของสมาชิก ใน 2 ปีแรก (ปี 2563 -2564) เป็นระยะเวลาปลอดหนี้ เพื่อให้สมาชิกได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ โดยจะเริ่มชำระเงินงวดที่ 1 ในปี 2565 ไปจนถึงปี 2568  รวม 4 ปี ปีละอย่างน้อยร้อยละ 25 ของเงินกู้ยืมที่ได้รับอนุมัติ หากสมาชิก/สถาบันเกษตรกรผิดนัดชำระหนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์คิดอัตราดอกเบี้ยปรับร้อยละ 3 ต่อปี จนกว่าจะชำระหนี้หมด และกรมส่งเสริมสหกรณ์ผิดนัดชำระหนี้ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรคิดอัตราดอกเบี้ยปรับร้อยละ 3 ต่อปี จนกว่าจะชำระหนี้หมด

ทั้งนี้ การสร้างแหล่งน้ำในพื้นที่การเกษตร นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรแล้ว ยังสามารถใช้เป็นฐานข้อมูล Big Data ในการจัดทำแผนที่พิกัดจุดแหล่งน้ำสำรองของเกษตรกรแต่รายละ เพื่อใช้ประโยชน์ในการติดตามประเมินผลและต่อยอดโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลในอนาคต