พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยในการกล่าวปาฐกถาพิเศษในการเป็นประธานเปิดสำนักงานใหม่ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว เป็นผลจากมาตรการกีดกันทางการค้าซึ่งได้รับสัญญาณว่าดีขึ้น และต้องการให้สถานการณ์นี้ผ่อนคลายโดยเร็ว เพื่อทำให้ระบบเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2563 จะขยายตัวได้ 3.3-3.8 % ซึ่งตนเองต้องการให้มีการขยายตัวมากกว่านี้ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภูมิภาคทำให้เกิดขึ้นให้ได้ และหวังให้เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) โตอย่างน้อย 4-5 % ขึ้นไป แต่สิ่งสำคัญต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น ทั้งการตลาด การผลิต
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการขยายตัวเศรษฐกิจไทยยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 63 ดีกว่าปี 62 เป็นผลจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก การปรับตัวทิศทางการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ มาตรการที่ลดการกีดกันทางการค้า และการปรับตัวดีขึ้นของภาคท่องเที่ยว โดยต้องการใหภาคอุตสาหกรรม ใช้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง จัดหาเครื่องจักรมาใช้ปรับปรุงการทำงานด้วย
“การท่องเที่ยวกำลังดีๆอยู่ ก็มีปัญหาโรคภัยไข้เจ็บอุบัติใหม่ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะการติดต่อการเคลื่อยนที่ไปมาหากันมันสะดวกขึ้น เราพัฒนา เชื้อโรคก็พัฒนาเหมือนกัน เรามองในแง่สัจธรรม เราต้องเตรียมมาตรการรองรับทั้งหด สิ่งสำคัญคือสุขภาพ”
พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ส.อ.ท.ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศควบคู่กับสภาหอการค้าไทย และจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ ที่สำคัญควรนำนวัตกรรมมาช่วยในการผลิตสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศ และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพื่อการขยายช่องทางและสร้างประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวมต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีทั้งวิกฤติและโอกาส จึงต้องหาแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม และเป็นไปได้
“สถานที่แห่งนี้เป็นแห่งใหม่ มีพื้นที่ 5 พันตารางเมตร ต้องทำให้ตรงนี้เกิดประโยชน์กับประเทศที่มีพื้นที่ 5 แสนตารางเมตรให้ได้ เพราะสภาอุตสาหกรรมฯและสภาหอการค้าฯเป็นเครื่องยนต์หลักของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ”
ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเจรจาการค้าและการลงทุน เพื่อรับฟังข้อเสนอจากภาคอุตสาหกรรม จะได้หาแนวทางสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพเอกชน ในการร่วมกันพัฒนาประเทศ ยกระดับภาคอุตสาหกรรมของไทยให้มีศักยภาพในการผลิต มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น เพื่อทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
“ฝากอย่าให้ใครมาบิดเบือนว่า รัฐบาลต้องการรีดภาษี เพราะเป็นกลไกปกติ หากบริษัทมีความเข้มแข็งก็ต้องเสียภาษี รวมถึงต้องมีการปรับปรุงทำระบบบัญชีเดียวให้ได้
พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลและสภาอุตสาหกรรมฯ ร่วมชะตากรรมกันมานาน ทิ้งกันไม่ได้ โดยต้องการให้ช่วยกันสร้างให้ประสบความสำเร็จ สู้ด้วยกันต่อไป 5 ปีที่ผ่านมาไม่สำเร็จ เพราะความยากง่ายแตกต่างกัน แต่หวังให้ทุกคนมีศรัทธากับรัฐบาล และร่วมมือทำงานกันต่อไป
สำหรับอาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มีพื้นที่สำนักงานรวม 5,000 ตารางเมตร มุ่งสู่การเป็น service Organization โดยสภาอุตสาหกรรม ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการส่งเสริม สนับสนุน และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศมาเป็นระยะเวลา 53 ปี ประกอบด้วย 45 กลุ่มอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมจังหวัด 74 จังหวัด 11 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม และ มีสมาชิกมากกว่า 11,000 คน