ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (19 มกราคม) ที่ด่านสุไหง-โกลก อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) จ.นราธิวาส ระหว่างวันที่ 20-21 มกราคม ทางสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์ที่ด่านสุไหง-โกลก เมืองต้นแบบด่านการค้าชายแดนเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) โดยมี พ.ต.ท.ธนากร สับประสาน สารวัตรตรวจคนเข้าเมือง นายจักรกฤช อุเทนสูต นายด่านศุลกากรสไหง-โกลก ให้การต้อนรับ โดยนายจักกฤช เปิดเผยว่า ด่านสุไหง-โกลก ได้เปิดใช้งานมา 89 ปี เน้นเรื่องความมั่นคงและอำนวยความสะดวกร้านค้าโดยทำงานควบคู่กับกองทัพภาค 4 ในการแบ่งปันข้อมูลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และยังมีระบบไบโอแมทริกซ์เข้ามาใช้ในด่านโดยสามารถใช้ตรวจอัตลักษณ์ได้ผล 100% โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยและบุคคลที่ติดแบล็กลิสต์จะไม่สามารถผ่านด่านตรวจได้ ขณะที่มูลค่าการค้าอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่า ไทยยังเสียดุลการค้าให้แก่ มาเลเซียที่ส่วนใหญ่นำเข้าไม้แปรรูปและอาหารทะเลสด แต่เนื่องจากปีที่แล้วสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีทำให้มูลค่าการค้าลดลงเหลือ 2,000 ล้านบาท สำหรับปัจจัยทำให้เศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาวะเศรษฐกิจภายในและนอกประเทศ โดยเห็นได้ชัดจากการนำเข้าไม้แปรรูปที่ลดลง รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและจิตใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตลอดการเสนอข่าวสารของประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นลดลงโดยนักท่องเที่ยวลดลง ขณะที่โรงแรมและธุรกิจทยอยปิดตัวลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารเข้าออกด่านตรวจคนเข้าเมืองประมาณ 6,000-7,000 คน และรถยนต์ประมาณ 200 คัน