“วัชระ”ปูดสอดไส้คนกันเองนั่งกมธ.สอบสร้างสภาใหม่

24 ธ.ค. 2562 | 09:03 น.

 

“วัชระ”ปูดมีการสอดไส้คนกันเองนั่งเป็นกมธ. พร้อมเปิด 4 ชื่อเอี่ยวสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า

วันนี้ (24 ธ.ค.62) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตในเรื่องการเสนอชื่อกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี 12 คน ที่เสนอมานั้น เป็นที่น่าสงสัยมาก เพราะมีการตั้งผู้ที่จะถูกสอบสวนหรือลูกน้องผู้ถูกสอบสวนมานั่งเป็นกรรมาธิการด้วย ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสภาไทย


นายวัชระ ยังยกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 129 วรรคสอง บัญญัติให้คณะกรรมาธิการมีหน้าที่ในการกระทำกิจการ สอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ตามหน้าที่และอำนาจ แล้วรายงานให้สภาทราบ


โดยหลักของการสอบหาข้อเท็จจริง ผู้สอบข้อเท็จจริงกับผู้ถูกสอบข้อเท็จจริง ต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกัน หรือในภาษากฎหมายเรียกว่า การขัดกันแห่งผลประโยชน์ และที่ร้ายแรงที่สุดที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการสอบข้อเท็จจริงคือ ผู้สอบข้อเท็จจริงกับผู้ถูกสอบข้อเท็จจริงเป็นคนๆ เดียวกัน เพราะจะทำให้ผลการสอบข้อเท็จจริงจะไม่เกิดความชอบธรรมหรือความจริงแน่นอน


ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีผู้ที่ควรจะถูกสอบข้อเท็จจริง แต่กลับเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการเสียเอง คือ

1.นายสุชาติ โรจน์ทองคำ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และในอีกฐานะหนึ่งคือ ประธานคณะกรรมการตรวจการจ้าง (ตรวจรับ) งานก่อสร้างอาคารรัฐสภาฯ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง ในการพิจารณาตรวจรับงานการก่อสร้าง และให้ความเห็นชอบในการขยายระยะเวลาการก่อสร้างฯ และงานไอซีที งานสาธารณูปโภคฯ ตลอดจนงานอื่นๆ ของการก่อสร้างอาคารรัฐสภา และเป็นกรรมการเร่งรัดการก่อสร้างอาคารรัฐสภาฯ และเป็นกรรมการบริหารการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ซึ่งมีหน้าที่ในการอำนวยการก่อสร้างในภาครวม และต้องรับผิดชอบโดยตรง หากปรากฏว่า การขยายเวลาก่อสร้างเป็นไปโดยมิชอบ

2.นายพินิจ พูลเกิด ที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างฯ CAMA เป็นผู้ที่ได้รับค่าตอบแทนจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในการให้คำปรึกษา ประสานงาน รวมทั้งให้ความเห็นในการพิจารณาการขยายระยะเวลาการก่อสร้างฯ รวมถึงงานไอซีที งานสาธารณูปโภค และงานอื่นๆ ของการก่อสร้างอาคารรัฐสภา และเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง หากปรากฏว่าการขยายระยะเวลาการก่อสร้างเป็นไปโดยมิชอบ

                                        “วัชระ”ปูดสอดไส้คนกันเองนั่งกมธ.สอบสร้างสภาใหม่    “วัชระ”ปูดสอดไส้คนกันเองนั่งกมธ.สอบสร้างสภาใหม่
 

 

3.นายพงศ์กิตต์ อรุณภักดีสกุล และนางปัณณิตา สะท้านไตรภพ ข้าราชการระดับสูงของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้แทนของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยมีนายนัท ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภา เป็นผู้บังคับบัญชาของนายพงศ์กิตต์ และนางปัณณิตา ซึ่งสามารถให้คุณให้โทษแก่บุคคลทั้ง 2 ได้โดยตรง ทั้งนี้ สถานะของนายนัท ผาสุข ย่อมส่งผลโดยตรงกับความเห็นของบุคคลทั้งสองอย่างชัดเจน

นายนัท เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการเร่งรัดการก่อสร้างฯ และเป็นกรรมการบริหารการก่อสร้างฯ ซึ่งได้รับทราบและไม่คัดค้านผลของการขยายระยะเวลาการก่อสร้าง และเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง หากข้อเท็จจริงปรากฏว่า การขยายระยะเวลาการก่อสร้างเป็นไปโดยมิชอบ ดังนั้น ความเห็นของบุคคลทั้ง 2 ในฐานะกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงย่อมไม่เกิดความเป็นธรรมอย่างแน่นอน

ดังนั้น ด้วยเหตุผลโดยประจักษ์ดังกล่าวนี้ ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า ความเห็นของบุคคลทั้ง 4 ในฐานะกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการก่อสร้างอาคารรัฐสภา จึงมีลักษณะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน และมีลักษณะอันไม่เป็นธรรม เนื่องจาก ผู้สอบข้อเท็จจริงกับผู้ถูกสอบข้อเท็จจริง เป็นบุคคลคนเดียวกันนั่นเอง

 

 

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ นายพินิจ พูลเกิด ที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างในกลุ่มบริษัท CAMA เพิ่งชี้แจงเห็นด้วยกับการขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาครั้งที่ 4 จำนวน 382 วันคู่กับนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา แล้วคณะรัฐมนตรีกลับมาเสนอชื่อให้เป็นคณะกรรมาธิการได้อย่างไร และยังน่าสงสัยด้วยว่า นายสรศักดิ์ เซ็นอนุมัติการขยายเวลาย้อนหลังว่าขยายเวลาวันที่ 4 ธันวาคมตอนค่ำๆ แต่นายสรศักดิ์มาแถลงกับสื่อมวลชนในวันที่ 10 ธันวาคม ขนาดนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในวันที่ 9 ธันวาคมว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องการขยายสัญญาครั้งที่ 4 


หาก นายสรศักดิ์ เซ็นขยายสัญญาครั้งที่ 4 ในวันที่ 4 ธันวาคมตอนค่ำจริง เหตุใดจึงไม่รีบรายงานให้ประธานสภาฯ ทราบและทำไมไม่เปิดเผยต่อสื่อมวลชนในวันนั้น กลับมาแถลงย้อนหลังในวันที่ 10 ธันวาคม หลังจากที่มีการคัดค้านการขยายเวลา ก่อสร้างจากนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่ง และรีบอนุมัติขยายสัญญาก่อนหมดอายุในวันที่ 15 ธันวาคม ถึง 11 วัน โดยสำนักกฎหมาย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้ให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอของฝ่ายพัสดุ สำนักการคลังแต่ประการใด ช่างแปลกประหลาดจริงๆ