โดยพลเอกประยุทธ์ ใช้เวลาในการปาฐกถานาน 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยเริ่มต้นย้ำถึงความจำเป็นในการมียุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นกรอบการทำงานกว้างๆ 6 ด้าน เพื่อเป็นแผนงานโครงการต่างๆของทุกกระทรวงให้เกิดความมั่นคงยัั่งยืน เพราะไม่เช่นนั้นจะสะเปะสะปะและไม่เดินสู่เป้าหมายเดียวกัน ซึ่งแผนงานต้องบูรณาการ ต้องแก้ปัญหาองค์รวม การบูรณาการ คือแผนคน แผนเงิน และแผนงานโครงการของทุกกระทรวงให้มีเป้าหมายเดียวกันทั้ง 20 กระทรวง
"เราต้องช่วยกันร่วมกันในอีก 20 ปี ในการมีเป็นประเทศรายได้สูง หลุดพ้นความยากจน หลุดกับดักรายได้ปานกลาง ทำปัจจุบันและอนาคตไปด้วยกันให้ลูกหลานอยู่ได้ ถ้าเรือมีรูรั่วต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช่ช่วยกันเจาะรูสนิมแบบนี้ เราจะเป็นเรืออะไรก็ได้แต่ขออย่าเอาเท้าไปราน้ำ และรัฐบาลมีหน้าที่แจวเรือเดินไปข้างหน้า"
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ในการทำงาน ซึ่งตัวเองเป็นทหารเก่าการทำงานจะประสบความสำเร็จต้องมีเป้าหมายเป็นตัวกำหนด ทหารจะเข้าตีก็ต้องมีเป้าหมาย มีแนวคาดการณ์ ไม่ต่างจากปัจจุบัน ภาคธุรกิจก็ต้องทำแบบนี้ต้องมียุทธศาสตร์ มีแผนแม่บทและสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ดังนั้นต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ทำให้บ้านเมืองสงบไม่ขัดแย้ง
จากนั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ต้องลงนามต้องสอบถาม ต้องคิดล่วงหน้าจะมอบนโยบายยังไงอะไรเอาเข้าไม่เอาเข้าครม. ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ทำเป็นพันเรื่องไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย ไม่เคยท้อ ท้อไม่ได้อยู่แล้ว และขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันกันทำ ทั้งรัฐบาล ราชการ นักการเมือง ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม ถ้าเอาแต่ประเด็นของตัวเองขับเคลื่อนก็จะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ถ้าเดินๆหยุดๆก็ไปไม่ได้
จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ใช้เวลาในการเล่าถึงการดำเนินนโยบายทุกเรื่องของรัฐบาล และย้ำขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันเปรียบเหมือนกับทุกคนมีลูกหลาน ที่ต้องรักให้ถูก เช่นเดียวกันเรารักประชาชนก็ต้องถูกวิธี ทั้งระยะสั้นระยะยาว และตัวเองจะทำหน้าที่ขอตัวเองให้ดีที่สุด