วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยพรรคจะถูกริบเก้าอี้รัฐมนตรีจำนวน 1 ตำแหน่งเพื่อจัดสรรให้กับพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาล ว่า การปรับหรือเปลี่ยนให้บุคคลใดเข้าร่วมรัฐบาลไม่อยู่ในอำนาจหรือการพิจารณาของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ ฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ตนและนายกฯ คงไม่ได้หารือกันในเรื่องดังกล่าว
ส่วนการทำงานภายใต้รัฐบาลที่ผ่านมาของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงตนนั้นไม่มีปัญหาใดในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากก่อนหน้านี้พรรคเคยมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ทั้งในฐานแกนนำพรรครัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน สำหรับการทำงานในรัฐบาลชุดปัจจุบันตนฐานะรองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำชับไปยัง 6 รัฐมนตรีในโควต้าของพรรคให้เร่งเดินหน้าทำงานตามนโยบายและให้ถือว่าเป็นการทำงานและผลงานของรัฐบาล
นายจุรินทร์ กล่าวว่าส่วนกรณีที่ ส.ส.ของพรรคซึ่งลงมติไม่ตรงตามมติของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในญัตติด่วน ให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของ หัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 นั้น ตนไม่ต้องการให้ใช้คำว่าขาดเอกภาพ เพราะการลงคะแนนที่ผ่านมามีความแตกต่าง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา ที่มีปัญหาเพียงเสียงส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งตนได้มอบหมายให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้พิจารณาและดำเนินการเรื่องดังกล่าว รวมถึงบันทึกการออกเสียงลงคะแนนของส.ส. และการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของส.ส.ด้วย ส่วนจะมีบทลงโทษหรือไม่นั้นต้องรอให้เลขาธิการพรรคพิจารณา ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรคซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญรวมถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
“อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าการทำงานภายใต้พรรคร่วมรัฐบาลต้องฟังมติวิปรัฐบาล ในฐานะผู้ควบคุมเสียงเสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ เพราะภายใต้ระบบรัฐสภา รัฐบาลจะอยู่ได้ด้วยเสียงข้างมากของส.ส. ดังนั้นมติของแต่ละพรรคมีความสำคัญ และเมื่อมติพรรคเป็นอย่างไร ต้องคุยในวิปรัฐบาล เพื่อมีมติเพื่อคุมเสียงข้างมากในสภาฯ ไว้ ทั้งมติพรรคและมติวิปรัฐบาล จึงสำคัญ แต่สุดท้ายมติพรรคของร่วมรัฐบาลต้องยึดกับมติวิปรัฐบาล” นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการยึดมติวิป หรือ มติพรรค โดยไม่คำนึงหรือให้ความสำคัญต่อเอกสิทธิ์ส.ส. จะถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวมีรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง