วิบากกรรมของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังอีนุงตุงนัง กับสารพัดคดีในการก้าวสู่เส้นทางการเมือง เมื่อถูกร้องว่าดำเนินการผิดกฎหมาย ขัดระเบียบหรือคำสั่งที่ออกมาเพื่อเป็นกติกาสำหรับทุกคน
กระทั่งหันค้าความ ยื่นฟ้อง 7 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีฟ้องหมายเลขดำที่ อท.168/2562
ในความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. พ.ศ. 2560 มาตรา 69 ที่ว่า เป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง กระทําการหรือละเว้นการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งมาตรานี้ถ้าทำผิดมีอัตราโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลาสิบปี
และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83, 89
ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้เลขาธิการ กกต.ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมส่งเอกสารส่งศาลภายในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
เหตุมาจากเรื่องการถือหุ้นสื่อที่ถูกขุดคุ้ยระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่ง “ธนาธร” พยายามชี้แจง แต่กลับปรากฏพิรุธตามมาต่อเนื่อง ซึ่งกกต.ได้ตั้งกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาสืบสวนไต่สวนเรื่อง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ขณะเดียวกันกับที่กระแสสังคมก็ต้องการความชัดเจน เนื่องจากจะมีผลถึงสถานภาพการเป็นส.ส. หาก “ธนาธร” ผ่านกระบวนการเลือกตั้งแล้วได้รับเลือก
ต่อมาคณะกรรมการกกต.มีมติส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในท้ายสุดศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าผิดตามฟ้อง เป็นลักษณะต้องห้าม จึงให้พ้นจากส.ส.
“ธนาธร” อ้างว่า คณะกรรมการกกต.รีบร้อนฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่คณะกรรมการสืบสวนฯที่กกต.ตั้งขึ้นมายังไม่สรุปเรื่องเสนอกกต.เลย จึงถือว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
เรื่องนี้กกต.รีบหารือทันทีตั้งแต่วันที่ถูกยื่นฟ้อง และเมื่อตรวจคำฟ้องโดยละเอียดแล้วต้องบอกว่า “โล่งอก-หมดห่วง” เพราะเป็นเรื่อง “จับแพะชนแกะ” ของธนาธรเอง
เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในคดีหุ้นสื่อ ก็ได้บอกไว้แล้วว่า การส่งคำร้องของกกต.ให้วินิจฉัยคุณสมบัติ “ธนาธร” กรณีถือหุ้นสื่อนั้น ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ กกต.
ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
อีกทั้งประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นกรณีความปรากฏต่อ กกต. เพราะคนกังขาเรื่องธนาธรถือหุ้นสื่อนั้นดังไปทั้งเมือง
แต่กรณีที่นายธนาธรร้องว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนยังไต่สวนไม่เสร็จ แล้วกกต.รีบร้อนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
ที่จริงแล้วกกต.ตั้งคณะกรรมการสืบสวน เพื่อให้ไปไต่สวน “ธนาธร” ในประเด็น รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่มาลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเรื่องของการดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151
ซึ่งประเด็นนี้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ยังไต่สวนไม่เสร็จ
หากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแล้วเสร็จ ก็จะมีการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะถ้าไม่ดำเนินการ กกต.จะมีความผิดตามมาตรา 157
“ธนาธร” ฟ้องผิดประเด็นอีกแล้ว
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,529 วันที่ 8-11 ธันวาคม 2562