สั่งจำคุก“สำเริง-วรชัย”4ปี หมายจับ“ไวพจน์”คดีล้มประชุมอาเซียน

03 ธ.ค. 2562 | 12:46 น.

 

 

ศาลพัทยาอ่านคำสั่งศาลฎีกา สั่งจำคุก “สำเริง ประจำเรือ-วรชัย เหมะ” คนละ 4 ปี คดีล้มประชุมอาเซียน ออกหมายจับ “ไวพจน์” มาฟังคำสั่ง 13 ม.ค.ปีหน้า ส่วนที่แก้คำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลยกคำร้อง 

วันนี้(3 ธ.ค.62)  ที่ศาลจังหวัดพัทยา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3537/2552 คดีที่ 13 นปช. ร่วมกันชุมนุม บุกรุกไปยังโรงแรม รอยัลคลิฟ บีช พัทยา ก่อความวุ่นวายขัดขวางการประชุมอาเซียน ซัมมิท ปี 2552 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับพวกรวม 18 คนเป็นจำเลย โดยระหว่างพิจารณามีจำเลย หลบหนี 3 คน ขณะที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง 2 คน นายธรชัย ศักดิ์มังกรจำเลยที่ 8 , พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ จำเลยที่ 14 ชั้นฎีกายกฟ้อง 1 คน คือนายสมญศฆ์ พรมภาจำเลยที่ 4 

โดยวันนี้เป็นการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในส่วน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) จำเลยที่ 3 , นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6 และนายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 ที่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพ จากที่ก่อนหน้านี้ได้เลื่อนฟังคำพิพากษามาแล้วในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วน นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 1 ไม่ได้มาศาลตั้งแต่นัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 ศาลจึงให้ออกหมายจับติดตามตัวมาฟังคำพิพากษาฎีกาคดีนี้ โดยปัจจุบันเชื่อว่าได้หลบหนีคดีไป เนื่องจากในนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกที่มีจำเลยอื่นมาฟังนั้นผลคำพิพากษาฎีกา คือ พิพากษายืนจำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาท

อย่างไรก็ดีวันนี้ ในส่วนของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส. พปชร. จำเลยที่ 3 ไม่ได้มาศาล คงมีเพียงผู้รับมอบอำนาจและทนายความมาศาล โดยยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ด้วยเหตุผลว่า จำเลยที่ 3 เป็น ส.ส.อยู่ระหว่างการประชุมพรรค

ขณะที่ นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6 และ นายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 มาศาล

 

 

ศาลพิจารณาคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาแล้ว เห็นว่า แม้จำเลยที่ 3 เป็น ส.ส. แต่คดีนี้เสร็จการพิจารณาเสร็จแล้วไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 125 ประกอบกับการขอเลื่อนคดีมีลักษณะเป็นการประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จึงให้ปรับนายประกันจำเลยที่ 3 เต็มตามสัญญาประกัน และให้ออกหมายจับสำหรับ พ.ต.ท.ไวพจน์ ส.ส.พปชร. จำเลยที่ 3 เพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกาในวันที่ 15 ม.ค.63 เวลา 09.00 น.            

ส่วน นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6 และ นายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 ที่วันนี้มาศาล ศาลจังหวัดพัทยาก็ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้ทราบว่า ศาลฎีกาพิจารณาประเด็นที่จำเลยที่ 3, ที่ 6 , ที่ 13 ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพนั้น ศาลเห็นว่าการแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การ ต้องกระทำก่อนศาลพิพากษา การที่จำเลยทั้งสามมายื่นในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้าม จึงให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป วิ.อ.) มาตรา 163 วรรคสอง จึงพิพากษาจำคุก นายสำเริง จำเลยที่ 6 และนายวรชัย จำเลยที่ 13 คนละ 4 ปี และปรับคนละ 200 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่ออ่านคำพิพากษาฎีกาที่ถึงที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงควบคุมตัว นายสำเริง จำเลยที่ 6 และนายวรชัย จำเลยที่ 13 ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษพัทยา เพื่อรับโทษตามคำพิพากษา

ทั้งนี้สำหรับคดีดังกล่าว ในวันนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกวันที่ 11 ก.ย.62 ซึ่งจำเลย 13 คนที่มีฎีกาคดี  มีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 ที่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งคำพิพากษาฎีกาก็ยืนโทษจำคุก 4 ปี และปรับคนละ 200 บาทเช่นกัน  

 

ด้านนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาออกหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ ว่า กรณีที่ศาลไม่อ่านคำพิพากษา ถือว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ ยังมีสถานภาพเป็น ส.ส.  ไปจนกว่าจะเข้ารับฟังคำพิพากษา และสามารถเข้าร่วมประชุมสภา วันที่ 4 ธันวาคมนี้ได้ และมีสิทธิแสดงตนเป็นองค์ประชุม โดยจำนวน ส.ส.ที่มีทั้งหมด คือ 498 คน เพราะนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย และนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ตามคำของศาล 

ดังนั้นการนับองค์ประชุม คือกึ่งหนึ่ง จะอยู่ที่จำนวน 249 เสียง  ส่วนกรณีที่ศาลได้ออกหมายจับแล้วนั้น แม้จะอยู่ในสมัยประชุม แต่ พ.ต.ท.ไวพจน์จะไม่ได้รับเอกสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรมนูญ มาตรา 125 เนื่องจากเจตนารมณ์ของมาตราดังกล่าวกำหนดไว้เฉพาะการจับกุม คุมขังระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีเท่านั้น แต่กรณีของ พ.ต.ท.ไวพจน์ ถือว่ากระบวนการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับกุมของศาลแสดงกับพ.ต.ท.ไวพจน์ ไม่ว่าที่ใดสามารถจับกุมได้ทันที