กกต.ฟัน“ใบดำ-ใบแดง”ผู้สมัครส.ส.เมืองจันท์ เด็ก ปชป.  

02 ธ.ค. 2562 | 09:22 น.


กกต.ชงศาลฎีกาแจก “ใบดำ-ใบแดง” “ชาติชาย วรพิพัฒน์“ ผู้สมัครส.ส.เมืองจันท์ ประชาธิปัตย์ ปราศรัยใส่ร้าย 3 อดีตลูกพรรคถูกซื้อตัว 70 ล้านย้ายพรรค พร้อมมีมติดำเนินคดีอาญาอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเมืองกาญจน์ แจกเงินผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจเลือกส.ส.พลังประชารัฐ
 
 วันนี้ ( 2 ธ.ค.62) เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. กรณีมีมติยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้เพิกถอนสิทธิสมัคร สิทธิเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญา นายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัครส.ส.เขต 2 จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 138 มาตรา 73วรรคหนึ่ง ( 5) ประกอบมาตรา 159 หลังตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นแผ่นบันทึกภาพและเสียงประกอบคำร้องของผู้ร้องและคำรับของนายชาติชายแล้ว ฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 10.18 น. นายชาติชาย ได้ปราศรัย หาเสียงเลือกตั้งที่บริเวณตลาดวังพง ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว  จ.จันทบุรี มีข้อความบางช่วงบางตอนว่า 
 “ท่าน (หมายถึงนายชวน หลีกภัย) ) บอกว่าท่านขอโทษพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน ท่านเสียใจมากที่ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คน ได้ถูกซื้อตัว แล้วย้ายพรรคไปแล้วนะครับ พวกผม 3 คนเขต 1 รองปวีณา เขต 2 ผมกำนันชาติ เขต 3 น้องเบนซ์ ชรัตน์ เนรัญชร นะครับ เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ให้กับพี่น้องชาวจันทบุรีในนามพรรคประชาธิปัตย์” 

 

และข้อความ “ส่วนที่ท่านรองสาธิต ( หมายถึงนายสาธิต ปิตุเตชะ) ) ได้พูดว่า ให้พวกเราทั้ง 3 คน ได้ยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องชาวแห่งหางแมว พ่อแม่พี่น้องชาวจันทบุรี ไว้แต่แรกแล้วนะครับว่า ที่นายกชวนได้พูดถึงนะครับว่าท่านเสียใจแล้วก็ขอโทษพี่น้องชาวแก่งหางแมวและพี่น้องชาวจันทบุรีที่ส.ส.ทั้ง 3 คน ได้ถูกซื้อตัวแล้วก็ย้ายพรรคไปอยู่พรรคอื่นแล้ว  พวกผมทั้ง 3 คนนะครับ ยืนยันแล้วก็ปฏิญาณนะครับ พร้อมที่จะปฏิญาณกับพี่น้องชาวแก่งหางแมว และก็พี่น้องประชาธิปัตย์ชาวจันทบุรีว่าพวกเรา 3 คน จะทำงานด้วยอุดมการณ์ เงินเพียงมากน้อยแค่ไหนอย่างที่ท่านรองสาธิตท่านบอกของท่านยังมีตกแล้วอย่างน้อยต้องมี 70 ล้านขึ้น พวกผมทั้ง 3 คนก็ยังถืออุดมการณ์ อย่างที่ท่านรองสาธิตว่า เงินไม่สามารถซื้อพวกเราได้ “

 
โดยในขณะปราศรัยหาเสียงดังกล่าว นายชาติชายได้จัดให้มีการเผยแพร่ภาพและเสียงผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อ ชาติชาย วรพิพัฒน์ ด้วย การปราศรัยหาเสียงโดยใช้คำว่า “ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัวแล้วย้ายพรรคไปแล้ว” ซึ่งผู้ร้องยืนยีนว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาผู้ร้องได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. จันทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์  แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ย้ายมาสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ 

การปราศรัยหาเสียงดังกล่าวของนายชาติชาย จึงหมายถึงผู้ร้องซึ่งอดีตเคยเป็นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นการใส่ร้ายผู้ร้องและทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจย้ายพรรคเพราะถูกซื้อตัว  ละทิ้งอุดมการณ์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม และจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชาติชาย การกระทำของผู้ร้องจึงเข้าข่ายเป็นความผิด

ทั้งนี้กรณีของนายชาติชาย หากศาลฎีกามีความเห็นยืนตามที่ กกต.เสนอ ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่งต่อจากกรณีใบเหลืองของ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.เขต 5  สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ที่ขณะนี้กกต.ได้มีการส่ง

 

คำร้องไปยังศาลฎีกาแล้ว โดยจะมีผลให้ต้องมีคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองใหม่  หลังจากตัดคะแนนของนายชาติชายออก ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายชาติชาย ได้คะแนน 19,711 คะแนน
       

นอกจากนี้ ยังมีคำวินิจฉัยให้ดำเนินคดีอาญากับนายไพรัตน์ สุขสถาพรชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์  จ.กาญจนบุรี ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 158 ประกอบมาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) จากกรณีมีหลักฐานเป็นคลิปบันทึกภาพและเสียงของพยานและคำให้การของพยาน ที่ยืนยันตามที่มีผู้แจ้งเหตุว่า วันที่ 23 มี.ค. 62 เวลา 20.30 น.ก่อนวันเลือกตั้งได้รับเงินจำนวน 600 บาท จากนายไพรัตน์ เพื่อจูงใจให้ผู้แจ้งเหตุและผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบ้านรวม 3 คน ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับพล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์  ผู้สมัครส.ส.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ถูกร้อง แต่ไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า พล.อ.สมชาย เกี่ยวข้องกับการกระทำของนายไพรัตน์ และ พล.อ.สมชาย ยืนยันว่าไม่รู้จักนายไพรัตน์ จึงยังฟังไม่ได้ว่า พล.อ.สมชาย เป็นผู้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นายไพรัตน์ กระทำการ จึงให้ยุติเรื่องในส่วนที่ร้อง พล.อ.สมชาย