“บิ๊กตู่”ลั่น !ไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง แต่เป็นนักปฏิบัติ วอนให้เกียรติกัน

02 ธ.ค. 2562 | 07:56 น.

"บิ๊กตู่" ปัดไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง แต่เป็นนักปฏิบัติ วอนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ห่วงรอยยิ้มสยามจะหายไป กลายเป็นรอยยิ้มสยอง

“บิ๊กตู่”ลั่น !ไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง แต่เป็นนักปฏิบัติ วอนให้เกียรติกัน

 

       วันที่ 2 ธ.ค.2562 ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานเปิดตัว เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network : TRBN) และงานสัมมนา “ถึงเวลา เติบโต ร่วมกัน” ตอนหนึ่งว่า

 

        วันนี้ทุกประเทศใช้ภาคเอกชนในการนำพาประเทศทั้งสิ้น รัฐบาลไม่สามารถทำทั้งหมดได้พร้อมๆกัน มันทำให้เราช้าลง ที่ผ่านมายังไม่มีเรื่องพวกนี้ ส่วนใหญ่เราลงทุนเองทั้งสิ้น แต่ก็ขอให้โปร่งใสก็แล้วกัน การจะทำอะไรถ้าเราไม่อธิบายให้ประชาชนเข้าใจก็จะไปไม่ได้ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน จะลงทุนทำถนนหรือทำรถไฟ พื้นที่เป็นของเอกชนทั้งสิ้นถ้าจะลงทุน โดยที่ประชาชนไม่ร่วมมือแล้วจะทำได้หรือไม่ อย่างจะขุดคลองระบายน้ำไปไหนก็ทำไม่ได้ แต่ทุกคนก็ไม่ต้องการน้ำท่วม แต่จะให้มีน้ำใช้ ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เพราะต้องต่อเนื่องกัน นั่นแหละเรื่องอันตรายสำหรับประเทศไทย ทุกเรื่องมีปัญหาหมด ทุกคนต้องร่วมมือ และคิดไปกับตน ไม่อย่างนั้นมันทำไม่ได้ ไม่ว่าจะมาตรา 88 มาตรา 99 วันนี้ไม่มีแล้ว มีแต่กฎหมายปกติ อย่ามาเรียกร้องอีก แก้ไปตั้งเยอะกับสิ่งที่แก้ได้ แต่ยังไม่จบสิ้นกันซักที

 

“บิ๊กตู่”ลั่น !ไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง แต่เป็นนักปฏิบัติ วอนให้เกียรติกัน

 

       นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการวางแผนงานเมื่อเกษียณทุกคนต้องเตรียมแผนงานไว้ อย่างตนเรียนจบมาอายุ 20 ,21 ปีก็วางแผนงานถึง 60 ปี จะไปเป็นอะไร โดยที่ต้องทำงานด้วยความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต และด้วยความกล้าหาญ ตนก็คิดแค่นั้นแหละ ยังคิดว่าเป็นนายพลก็เก่งแล้ว ไม่ได้คิดจะมาเป็นนายกฯ วันนี้ก็ยังคิด มาเป็นได้อย่างไร แต่ก็ด้วยสถานการณ์ ดังนั้น ทุกคนก็มีโอกาสด้วยกันทั้งสิ้นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศและสังคมของเรา   

 

      นายกฯ กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว อย่างเช่นสงคราม ถ้ามันเกิดขึ้นก็จะแรงกว่าเดิม ตนดูในช่องสารคดีผ่านทางเน็ตฟลิกซ์ ถ้าย้อนกลับไปดูจะเห็นความน่ากลัว ความเสียหายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ทั้งจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เกิดจากความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ ความขัดแย้ง และเมื่อไหร่ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศก็จะเกิดการรวมกลุ่มขึ้นมา ทั้งฝ่ายตะวันตก อักษะ พันธมิตร และจะรบกันด้วยนิวเคลียร์ทั้งสิ้น ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และของเราก็ยังไม่มีปัญหาถึงขั้นขนาดนั้น แต่มันจะเกิดขึ้นที่อื่น เราก็ต้องเตรียมตัวของเราไว้ตรงนี้ เพราะเมื่อมันเกิดตรงอื่น ตรงนี้ก็จะเกิด และความขัดแย้งจะเกิด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีทหารไว้ทำไม

“บิ๊กตู่”ลั่น !ไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง แต่เป็นนักปฏิบัติ วอนให้เกียรติกัน

 

      “สื่อก็อย่าไปขยายความขัดแย้งให้ผมอีก เปิดหนังสือแล้วอ่านก็ปวดหัว กำลังคิดอะไรดีๆ ออกมา พออ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ท้อ แต่วันนี้ก็ต้องฮึดสู้ เพราะถ้าเราท้อ มันก็ไปต่อไม่ได้ เขาเชื่อมั่นให้ผมเป็นผู้นำ ก็ต้องทำให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็หวังให้ทุกคนร่วมกันพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน ร่วมกันใช้ทรัพยากรอันล้ำค่าของเราที่เหลืออยู่อย่างจำกัด แต่ที่เหลืออยู่มากคือรอยยิ้ม เพราะฉะนั้น อย่าแยกเขี้ยวใส่กันให้มากนัก รอยยิ้มสยามจะหายไปกลายเป็นรอยยิ้มสยอง เพราะทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง เราต้องช่วยกัน กฎหมายคือกฎหมาย ให้กลไกทำงานไปก็จบแล้ว เรียกว่าเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุล ไม่เช่นนั้นปัญหาใหม่มันก็เข้ามาอีก และสะสมกันไปเรื่อยๆ ถ้าไม่เดินหน้าไปแต่ละอัน มันก็ติดอยู่ปัญหาเดิม ตนพูดถึงทุกปัญหา และอยากขอให้ช่วยกันสร้างจิตสำนึก ความรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันไม่นิ่งดูดาย ไม่มัวโทษกันไปมา ร่วมกันจับมือกระจายความรู้ ความก้าวหน้า ไปสู่บุคคลและองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมหาเป้าหมายที่จะทำควบคู่กันให้เจอระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งตนรู้ว่าปัญหาของประเทศไทยอยู่ตรงไหน และจะแก้อย่างไร แต่วิธีการที่จะเดินหน้า คือเราต้องช่วยกัน

“บิ๊กตู่”ลั่น !ไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง แต่เป็นนักปฏิบัติ วอนให้เกียรติกัน

     

      “ผมไม่ใช่นักธุรกิจ และไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง ผมเป็นนักปฏิบัติ ต้องช่วยผมทำตรงนี้ การเมืองก็เรื่องของการเมือง ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันเท่านั้น เคารพซึ่งกันและกัน มันก็จบ ช่วยกันดึง ช่วยพา ช่วยกันนำไป เดี๋ยวมันก็ทำได้หมด เพราะทั้งหมดคือคนไทยทั้งสิ้น ถ้าคนไทยไม่ทำแล้วใครจะทำ แล้วคนไทยที่ว่าคือ ทั้งผม นักการเมือง ข้าราชการ เอกชน ถ้าเราไม่ร่วมมือในประเทศจะเกิดอะไรขึ้น แล้วต่างประเทศเขาจะไว้ใจหรือไม่ เราไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ขัดแย้งกันเอง ต่างชาติเขาเห็นก็บอกว่าน่าเสียดายตรงนี้ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันดึงเขากลับมา เอาประเทศชาติมาก่อน แล้วจะสู้กันอย่างไรก็ค่อยว่ากันต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนท้าย