นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ทำหนังสือถึง นายบากบั่น บุญเลิศ ผู้ดำเนินรายการเนชั่นสุดสัปดาห์ ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ชี้แจงเบื้องหน้าเบื้องหลังของรถไฟฟ้าสายสีส้ม ระบุว่า
ตามที่ รายการเนชั่นสุดสัปดาห์ ของเนชั่นทีวี ช่อง 22 ซึ่งออกอากาศไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ได้มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) พิจารณาทบทวนรูปแบบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี(สุวินทวงศ์) จากการให้เอกชนรวมลงทุนโครงการ (Public-Private Partnership: PPP) ทั้งงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และงานระบบรถไฟฟ้าและงานเดินรถตลอดเส้นทางทั้งส่วนตะวันออกและส่วนตะวันตก เป็นรูปแบบให้รัฐเป็นผู้ลงทุนงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก และให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในส่วนงานระบบรถไฟฟ้าและงานเดินรถตลอดเส้นทางทั้งส่วนตะวันออกและส่วนตะวันตก นั้น
รฟม. ขอเรียนชี้แจง ดังนี้
1. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้ รฟม. พิจารณาทบทวนรูปแบบการลงทุนโครงการฯ ตามที่มีการนำเสนอข้อมูลในรายการเนชั่นสุดสัปดาห์
2. การดำเนินการของ รฟม. เป็นไปตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบในหลักการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก และเอกชนลงทุนค่างานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก และค่างานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทั้งเส้นทาง ซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
3. กรณีการพิจารณาทบทวนรูปแบบการลงทุนงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตกจากเดิมที่เป็นการให้เอกชนร่วมลงทุนมาเป็นรัฐเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างเองนั้น เป็นผลมาจากการที่กระทรวงการคลังซึ่งเคยมีข้อสังเกตว่า การให้รัฐลงทุนงานโยธาจะมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่ากรณีให้เอกชนร่วมลงทุน เนื่องจากเอกชนมีต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงกว่ารัฐ นอกจากนี้ การที่รัฐเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างงานโยธาเอง จะทำให้ รฟม.สามารถพิจารณาแบ่งงานโยธาออกเป็นหลายสัญญา โดยมีมูลค่าแต่ละสัญญาไม่สูงมากนัก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจในวงกว้าง และสามารถเร่งรัดการก่อสร้างงานโยธาได้อย่างมีประสิทธิภาพและแล้วเสร็จได้ตามกำหนด
4. จากการที่กระทรวงการคลังตั้งข้อสังเกตดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงให้ความเห็นว่า เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีวงเงินลงทุนสูงจึงจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนรูปแบบการให้รัฐลงทุนงานโยธาเองอย่างรอบคอบในทุกมิติ โดยคำนึงถึงประเด็นการก่อให้เกิดภาระหนี้สาธารณะของประเทศในทันทีที่มีการเริ่มก่อสร้าง ความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาข้อพิพาทและการ Interface ระหว่าง รฟม. ผู้ก่อสร้างงานโยธา และผู้รับสัมปทานที่เป็นผู้ติดตั้งงานระบบรถไฟฟ้า ตลอดจนความเสี่ยงในด้านการเงินหรือต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งหมด เป็นต้น
5. ต่อมาในระหว่างการพิจารณาทบทวนนั้น กระทรวงการคลังได้เสนอความเห็นเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ว่า แม้การจัดหาเงินกู้โดยภาครัฐจะมีอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมต่ำกว่าภาคเอกชนแต่รูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนงานโยธาส่วนตะวันตกด้วยนั้นมีความเหมาะสม เนื่องจากรัฐยังมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการอื่นตามนโยบายของรัฐบาลที่มีความสำคัญภายใต้แหล่งเงินที่จำกัดอยู่เพียงงบประมาณและเงินกู้ เช่น ด้านการศึกษา ด้านการเกษตร เป็นต้น ประกอบกับกรณีรัฐเป็นผู้จัดหาเงินกู้เพื่อก่อสร้างงานโยธาจะเกิดภาระหนี้สาธารณะตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อสร้าง ซึ่งจะกระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และอาจส่งผลต่อความยั่งยืนทางการเงินการคลัง ตลอดจนความน่าเชื่อถือของประเทศ
6. รฟม. ขอเรียนชี้แจงว่า การพิจารณารูปแบบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นไปตามการศึกษาพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และความเห็นของกระทรวงการคลัง เป็นสำคัญ