ยื่นป.ป.ช.สอบ“ไพรินทร์”ทำไออาร์พีซีเสียหาย318ล้าน
ชมรมต่อต้านการทุจริตฯ ร้องป.ป.ช. กล่าวโทษ “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” อดีตประธานบอร์ดไออาร์พีซี กรณียกหนี้ 227 ล้านให้คลัง ขณะที่บริษัทยังขาดทุนกว่า 5 พันล้าน
“ชมรมต่อต้านการทุจริตฯ” ยื่นป.ป.ช.สอบ “ไพรินทร์” เอื้อประโยชน์ “ศิริ” ส่อทุจริตทํา“ไออาร์พีซี”เสียหายกว่า 318 ล้าน ขณะที่บริษัทไออาร์พีซี ขาดทุน 5,235 ล้านบาท แต่กลับยกหนี้ให้คลัง 224 ล้านบาท
วันนี้(19 พ.ย.) นายอุทัย ท้าวอินทร์ เลขาธิการชมรมต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผย ภายหลังยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เพื่อขอให้ตรวจสอบบุคคล และนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ 1.นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร 2.นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ 3.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัทปีพ.ศ.2557 ทั้งหมด 4.บริษัท ซินเนอจีโซลูชั่น และกรรมการผู้มีอำนาจ 5.บริษัท โพลีเมอร์อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ จำกัด และกรรมการผู้มีอำนาจ และ 6.บริษัท โพลีเมอร์เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด และกรรมการผู้มีอำนาจ ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ กรณีบริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) ขาดทุน 5,235 ล้านบาท เมื่อปี 2557 ยกหนี้ จำนวน 224 ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง ทำให้ ปตท.และบริษัท IRPC ได้รับความเสียหายกว่า 318 ล้านบาท
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ผู้บริหารแผน (กระทรวงการคลัง) คืนเงินส่วนที่เป็นค่าจ้างของ บริษัท ซินเนอจีโซลูชั่น จำกัด จำนวน 224 ล้านบาท พร้อม ดอกเบี้ย 7.5% คืนบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น IRPC เนื่องจากบริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ มีการเรียกเก็บเงินที่ไม่สุจริตโดยเรียกเก็บย้อนหลังก่อนที่จะก่อตั้งบริษัท และเรียกเก็บเงินมากเกินความเป็นจริง โดยบริษัทดังกล่าวมี นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ในฐานะเจ้านายเก่าของ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
ต่อมานายไพรินทร์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง CEO ปตท. และเป็นประธานบอร์ด IRPC ได้ยกหนี้ จำนวน 224 ล้านบาท ให้กับกระทรวงการคลัง ทั้งๆ ที่ในปี 2557 บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ขาดทุนมากถึง 5,235 ล้านบาท จึงอาจเข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ซินเนอจีโซลูชั่น จำกัด ทั้งยังอาจเป็นการละเว้นไม่ดำเนินคดีกับ บริษัท ซินเนอจีโซลูชั่น จำกัด ทำให้ ปตท. และ IRPC ได้รับความเสียหายรวมดอกเบี้ยแล้วกว่า 318 ล้านบาท
สำหรับเรื่องนี้ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ 1117/2545 ให้ฟื้นฟูกิจการของ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ตามคำขอของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ร้องขอ ต่อมาในวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งตั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน จากนั้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2546 กระทรวงการคลัง ผู้บริหารแผนอนุมัติให้ลูกหนี้ว่าจ้างบริษัท ซินเนอจีโซลูชั่น จำกัด เป็นผู้ให้บริการดำเนินกิจการบริหารกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ รวมทั้งจัดการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการและประสานงานกับเจ้าหนี้ ได้ค่าว่าจ้างเดือนละ 20 ล้านบาท
ต่อมานายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านผู้บริหารแผน เนื่องจากเห็นว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต ค่าใช้จ่ายเดือนละ 20 ล้านบาทที่จ่ายกับบริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ เกินกว่าที่ระบุไว้ในแผน
กระทั่งในวันที่ 29 เมษายน 2557 ศาลฎีกาได้พิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 4948/2557 ให้ กระทรวงการคลัง ผู้บริหารแผน คืนเงินส่วนที่เป็นค่าจ้างของบริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ จำนวน 224,774,193 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่า
การอนุมัติว่าจ้าง บริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ ซึ่งขณะนั้นนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ อดีตรมว.พลังงาน เป็นเจ้าของ โดยเป็นผู้จองชื่อ เริ่มก่อตั้ง และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจถือหุ้นอยู่ 33% จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ขณะที่กระทรวงการคลัง ผู้บริหารแผนได้อนุมัติตกลงว่าจ้างหลังจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทได้เพียงวันเดียว คือ ในวันที่ 26 สิงหาคม 2546 จึงเห็นว่าการจ่ายเงินค่าจ้างก่อนที่จะมีการก่อตั้งบริษัท 30 ล้านบาท ย่อมเป็นการไม่ชอบ บริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารแผนคนใหม่จะต้องคืนเงินดังกล่าวทั้งจำนวนแก่ บริษัท ไออาร์พีซี ที่เป็นลูกหนี้
อย่างไรก็ดี หลังมีคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วมีการละเว้นไม่ดำเนินคดีกับ บริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ กับพวกที่กระทำการส่อทุจริตตามคำพิพากษาของศาลฎีกา และไม่มีการเรียกเงินคืนแต่อย่างใด
“ทั้งๆ ที่ในปี 2557 บริษัท IRPC มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 5,235 ล้านบาท แต่กลับยกหนี้ 224,774,193 บาทให้กับกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ เพื่อตัดสิทธิกระทรวงการคลังที่จะฟ้องเอากับบริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ อันเป็นการช่วยเหลือและละเว้นไม่ดำเนินคดีกับบริษัท ซินเนอจีโซลูชั่นฯ ที่กระทำการส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ ซึ่งนับตั้งแต่วันมีคำพิพากษาดังกล่าวถึงวันนี้ (19 พ.ย.62) รวมระยะเวลา 2,029 วัน คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 93,712,363.92 บาท รวมเป็นความเสียหายทั้งสิ้น 318,486,556.92 บาท”
นายอุทัย ระบุด้วยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นายไพรินทร์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และเป็นประธานกรรมการบริษัท IRPC