ส่อเปลี่ยน 3 หัวหน้าพรรค ‘ปชป.-พท.-อนาคตใหม่’

28 เม.ย. 2562 | 03:00 น.

กว่าจะถึงเส้นชัยระหว่างทางแทบจะทุกพรรค การเมือง ต่างบาดเจ็บ ได้รับบาดแผลกันไป บ้างล้มหายจากไประหว่างทางตามวิถีแห่งการต่อสู้ ในขณะที่สถานการณ์การเมืองวันนี้ยังห่างไกลจากคำว่า “นิ่ง” มากมายนัก ทุกสิ่งยังคงเกิดขึ้นได้ ทั้งจากตัวแปรและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เริ่มปรากฏให้เห็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ

นับตั้งแต่ปรากฏการณ์จับมือ “แบ่งขั้ว” เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเริ่มชัดเจนขึ้น ขยับสับเปลี่ยนกันไม่มากนัก บางพรรคที่ยังลังเลไม่ชัดเจน ดังเช่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ ของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ซึ่งได้ 6 ที่นั่ง วันนี้ประกาศเลือกขั้ว เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอนแล้ว ส่งผลให้เบื้องต้นฟากฝั่งของ ขั้วเพื่อไทย โดยเพื่อไทยได้ 137 ที่นั่ง พรรคอนาคตใหม่ 80 ที่นั่ง พรรคเสรีรวมไทย 10-11 ที่นั่ง พรรคพลังปวงชนไทย 1 ที่นั่ง และพรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 ที่นั่ง รวมกันได้ 235 เสียง

ขณะที่ ขั้วพลังประชารัฐ ซึ่งประกอบด้วย พลังประชารัฐ 117 ที่นั่ง รวมพลังประชาชาติไทย 5 ที่นั่ง รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 ที่นั่ง ประชาชนปฏิรูป 1 ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง ชาติพัฒนา 3 ที่นั่ง และพลังท้องถิ่นไท 3 ที่นั่ง รวม 141 เสียง ไม่นับรวมกับกระแสข่าวที่ระบุว่า ยังมีพรรคเล็กพรรคน้อยอีกประมาณ 10-11 เสียง ส่วนใหญ่เลือกเข้าขั้วพลังประชารัฐ

ส่วนกลุ่มก้อนการเมืองที่เป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลยังคงอยู่ที่ พรรคประชาธิปัตย์ 52 ที่นั่ง และพรรคภูมิใจไทย ของ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล อีก 51 ที่นั่ง ซึ่งวันนี้ยังไม่ประกาศท่าทีว่าจะเทไปฝั่งไหนแน่ ให้รอลุ้นกันในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

ส่อเปลี่ยน 3 หัวหน้าพรรค  ‘ปชป.-พท.-อนาคตใหม่’

“สอย”ว่าที่ส.ส. ตัวแปร

ระหว่างนี้ที่เหล่ากองเชียร์ และพรรคการเมือง ยังคงต้องลุ้นกันด้วยใจจดใจจ่อ นั่นก็คือการประกาศให้ “ใบเหลือง-ใบส้ม-ใบแดง” และ “ใบดำ” กับผู้สมัคร ส.ส. ตัวแปรสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การเมืองไทยยังคงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

เรียกเสียงฮือฮาไม่สำคัญเท่ากับสร้างแรงสะเทือนถึงพรรคเพื่อไทยอย่างหนัก เมื่อ กกต.แจก “ใบส้ม” ให้กับ นายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ จากมติกกต.ครั้งนี้ ส่งผลให้นายสุรพล ถูกตัดสิทธิ 1 ปี ที่สำคัญพรรคเพื่อไทย จะไม่สามารถส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงเลือกตั้งแทนนายสุรพล ได้ แม้ว่าคะแนนของนายสุรพล จะไม่มีผลในการคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย แต่มีผลอย่างมากกับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค การเมืองอื่น เนื่องจากเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่จึงต้องนำคะแนนมาคำนวณกันใหม่ เรียกว่า มีสิทธิให้ลุ้นกันมากขึ้น

3 พรรคจ่อเปลี่ยนหัวใหม่

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่คาดว่า คอการเมืองจะได้เห็นกันเร็วๆ นี้แน่ นั่นก็คือ การเปลี่ยนตัวหัวหน้าของ 3 พรรคการเมืองใหญ่ สำหรับ “พรรคประชาธิปัตย์” คงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวที่จำนวนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่ได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ กลายเป็น “พรรคตํ่ากว่าร้อย”

ซึ่งในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ประชาธิปัตย์จะมีการประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่จาก 3 คนที่มีชื่อเข้าชิง คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ที่ปัจจุบันทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค และ นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการหัวหน้าพรรค รวมถึงชื่อของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่โดดเด่นขึ้นมาในช่วงนี้

ด้าน “พรรคเพื่อไทย” เองก็กำลังเผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ เนื่องจาก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ซึ่งมีรายชื่อเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 ไม่ได้รับการจัดสรรให้เข้าสภาตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจับมือจับขั้วจัดตั้งเป็นรัฐบาลได้ ต้องเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า หัวหน้าพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน” มีหลายชื่อที่ผุดขึ้นมาท่ามกลางกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อาทิ ชื่อของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ว่าที่ส.ส.เชียงใหม่ ทั้งยังมีชื่อของ นายไพจิต ศรีวรขาน ว่าที่ส.ส.นครพนม

ส่อเปลี่ยน 3 หัวหน้าพรรค  ‘ปชป.-พท.-อนาคตใหม่’

เมื่อหันมาที่ “พรรคอนาคตใหม่” ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เจ้าตัวกำลังเผชิญมรสุมรุมเร้าอย่างหนัก มีหลายคดีสุ่มเสี่ยงจ่อคออยู่ โดยเฉพาะกรณีการถือหุ้นสื่อสารมวลชน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ที่ล่าสุด กกต.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาว่า ขาดคุณสมบัติของการเป็น ส.ส. ซึ่งจะทำให้ถูกตัดสิทธิเป็นเวลา 1 ปี ดังนั้น “พรรคอนาคตใหม่” จึงอาจ ต้องเฟ้นหาตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่เพื่อรับเหตุที่ไม่คาดคิดนี้ด้วย

32 ว่าที่ส.ส.ลุ้นถือหุ้นสื่อ

ประเด็นเดียวกันนี้ก็กำลังส่งแรงกระเพื่อมสะเทือนถึง 32 ผู้สมัคร ส.ส. มากที่สุดเช่นกัน เมื่อ “ผู้กองปูเค็ม-ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล” อดีตนายทหาร ร้องต่อกกต.ว่า มีผู้สมัครส.ส.จำนวน 32 รายที่ถือครองหุ้นสื่อ แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 10 คน พรรคอนาคตใหม่ 7 คน พรรคเสรีรวมไทย 6 คน พรรคเพื่อชาติ 5 คน พรรคพลังปวงชนไทย 2 คน และพรรคประชาชาติ 2 คน

หากผู้สมัครคนใดจากพรรคเหล่านี้ถูกตัดสิทธิเนื่องจากขาดคุณสมบัติ ย่อมต้องส่งผลต่อคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคที่จะเปลี่ยนแปลงไปทันที ในจำนวนนี้มีผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่ รวม 17 คน ต้องไม่ลืมว่าทั้ง 2 พรรคนี้มีคะแนนของผู้สมัครส.ส.เขต หลักพันหลักหมื่นแทบทั้งสิ้น ซึ่งจะส่งผลต่อจำนวนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคที่อาจลดลงได้

ส่อเปลี่ยน 3 หัวหน้าพรรค  ‘ปชป.-พท.-อนาคตใหม่’

ทั้งนี้ เมื่อกกต.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาผู้สมัคร ส.ส.แล้ว ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะไม่ให้ถ้อยคำหรือมีหนังสือชี้แจงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน หลังได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จากนั้นกกต.จะพิจารณาการชี้แจงข้อกล่าวหาว่า ฟังขึ้นหรือไม่ หากฟังขึ้นก็ยุติเรื่อง ผู้สมัครคนดังกล่าวก็จะได้เป็น ส.ส. ตรงกันข้ามถ้าฟังไม่ขึ้น กกต.ก็จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อพิจารณาต่อไป

หากเป็นเช่นนี้แล้วเชื่อมั่นได้เลยว่า ระหว่างนี้ กกต.จะยังไม่รับรองความเป็น ส.ส.ของผู้สมัครรายนั้น เพื่อไม่ให้เข้าข่ายว่าจะกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

กำลังเดินเข้าสู่ช่วงปลายทางของการเมืองไทย แต่ไม่ใช่ จุดสิ้นสุด หรือบทสรุปสุดท้ายของสถานการณ์การเมือง หลายเรื่องยังคงต้องติดตามกันต่อเนื่องต่อไป... 

รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3465 ระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2562

ส่อเปลี่ยน 3 หัวหน้าพรรค  ‘ปชป.-พท.-อนาคตใหม่’