กกต. ประชุมจัดเลือกตั้ง ส.ส. ชี้! รัฐแจกเงินคนจน ไม่ใช่ทุจริตเลือกตั้ง

13 ธ.ค. 2561 | 09:16 น.
กกต. เรียกประชุม ผอ.กกต.จว. เตรียมจัดเลือกตั้ง เผย เสนอร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ให้รัฐบาลพิจารณาแล้ว ด้าน เลขาฯ ระบุ รัฐแจกเงินคนจนเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐ ไม่ใช่ทุจริตเลือกตั้ง อยู่นอกอำนาจ กกต. ตรวจสอบ เชื่อประชาชนแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นการใช้ทรัพยากรรัฐ



เลิศวิโรจน์
วันที่ 13 ธ.ค. 2561 - นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยมี ผอ.กกต.จังหวัด จากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อให้ ผอ.กกต.จังหวัด มีความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง โดยขณะนี้มีจำนวนมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 51 ล้านคน มีหน่วยเลือกตั้งประมาณ 96,000 หน่วย ภารกิจแรกที่แต่ละจังหวัดต้องจัดเตรียม คือ ในจังหวัดจะมีหน่วยเลือกตั้งกี่หน่วย ที่ตั้งของหน่วยเลือกตั้งจะอยู่ในตำแหน่งใดบ้าง ซึ่งแต่ละหน่วยจะรองรับผู้มีสิทธิประมาณ 1,000 ราย นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมจัดทำป้ายไวนิลแนะนำตัวผู้สมัคร แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่จะให้ผู้สมัครแต่ละคนนำป้ายขนาด A3 มาติดประกาศแนะนำตัว โดย ผอ.กกต.จังหวัด ต้องกำหนดสถานที่ให้ชัดเจน เช่น หน้าที่ว่าการอำเภอ หน้าศาลากลางจังหวัด รวมถึงนับจำนวนแผ่นป้ายของผู้สมัคร นอกจากนี้ ยังต้องจัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัวผู้สมัครในเขตเลือกตั้ง นโยบายพรรค และพรรคเสนอชื่อบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี นำมาเย็บเล่มเพื่อส่งให้ถึงทุกครัวเรือนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น ผอ.กกต.จังหวัด ต้องเตรียมความพร้อม เพราะหาก กกต. ประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ก็จะเหลือเวลาอีก 70 วัน


จรุงวิทย์-ปก

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงการพิจารณารูปแบบบัตรเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน คาดว่าจะเสนอให้ กกต. พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ไม่ว่า กกต. จะมีมติเลือกใช้รูปแบบใด สำนักงานก็ต้องบริหารจัดการให้ได้ อาจจะให้โรงพิมพ์ที่มีศักยภาพหลายแห่งเข้ามาพูดคุยถึงศักยภาพในการพิมพ์บัตร และการรักษาความปลอดภัยของบัตรเลือกตั้ง โดยจะให้ความสำคัญสูงสุดกับประเด็นความปลอดภัยของบัตร ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ใช้พรรคเดียวเบอร์เดียวนั้น หากต้องการให้แก้กฎหมายคงต้องใช้เวลา ในส่วนของ กกต. ต้องทำให้ดีที่สุดตามกฎหมายที่มีอยู่ ข้อเสนอที่ให้ใช้ ม.44 แก้กฎหมาย ไม่ใช่อำนาจของ กกต. จึงเป็นประเด็นที่ไกลเกินไปที่จะคิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองและประชาชนกังวลต่อการทำงานของ กกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ยืนยันได้ว่า กกต. ไม่มีการทุจริต ซึ่งเลือกตั้งเสร็จก็นับคะแนนที่หน่วย ไม่เหมือนอดีตที่จะมีการยกหีบบัตรลงคะแนนไปนับในสถานที่นับคะแนน ดังนั้น ผู้สังเกตการณ์จากทุกพรรคการเมืองและประชาชนก็สามารถตรวจสอบได้ที่หน่วยเลือกตั้ง และมีการรายงานผลจากหน่วยมายังส่วนกลางเลย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงผลคะแนน ส่วนการสังเกตการณ์ของผู้สังเกตการต่างประเทศ กกต. มีโครงการอยู่แล้วตามที่ประธาน กกต. เคยให้สัมภาษณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการขอมา แต่คิดว่ามีเข้ามาสังเกตการณ์อย่างแน่นอน ซึ่งปกติเวลา กกต. ได้รับเชิญให้ไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งในประเทศอื่น ๆ เราก็จะไปดูว่ามีการลงคะแนนและการหาเสียงอย่างไร จะไม่เข้าไปแทรกแทรงกิจการภายในประเทศของเขา ซึ่งนี่คือ กรอบในการสังเกตการณ์ที่เราไปดู

เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบนโยบายบัตรสวัสดิการคนจนของรัฐบาลที่เอื้อต่อพรรคพลังประชารัฐ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย เรื่องบัตรสวัสดิการคนจน เรามองว่าเป็นแนวนโยบายของรัฐ ซึ่งไม่ใช่การทุจริตการเลือกตั้งที่ กกต. ต้องเข้าไปตรวจสอบ เชื่อว่าประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือ แนวนโยบายแห่งรัฐ ส่วนเมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ออกมาแล้ว พรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ กกต. จะต้องเข้าไปควบคุมการอนุมัติโครงการของรัฐหรือไม่ คงต้องดูข้อกฎหมายก่อน แต่ต้องเข้าใจว่า ตามกฎหมายรัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนรัฐบาลรักษาการหลังการยุบสภา แต่เป็นรัฐบาลในภาวะไม่ปกติและเป็นรัฐบาลในวาระเริ่มแรก

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ กกต. ได้เสนอร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ให้มีการเลือกตั้งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งหากโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 2 ม.ค. 2562 ตามที่เสนอ ก็จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. และหลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง มีผลใช้บังคับแล้ว กกต. ก็จะกำหนดวันสมัครและวันเลือกตั้ง จากนั้นการหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัครก็จะต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งในการประชุมระหว่าง กกต. กับพรรคการเมืองในวันที่ 19 ธ.ค. นี้ นอกจาก กกต. จะแจ้งว่าจะสนับสนุนอะไรได้บ้างแล้ว ก็จะหารือเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้สมัครพรรคการเมืองควรเป็นเท่าใด จากเดิม 1.5 ล้านบาท จะขยับเป็น 2 ล้าน หรือ 2.5 ล้านบาท รวมถึงยังมีการหารือเรื่องการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียด้วย

595959859