‘คมสัณห์ ฐานะโชติพันธ์ุ’ จากเภสัชกรหนุ่มสู่การเมือง "ต้องการช่วยพัฒนาประเทศ"

07 ธ.ค. 2561 | 12:37 น.
“คมสัณห์ ฐานะโชติพันธ์ุ” หรือ “ตี๋” เป็นคนรุ่นใหม่อีกรายที่มีความตั้งใจเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เภสัชกรหนุ่มจาก รั้วจามจุรี พ่วงดีกรีปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขและภาคเกษตรกรรม

เขาซึมซับและสนใจความเป็นไปของเหตุบ้านการเมืองมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อจะเกาะติดการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภามาตลอด ความชื่นชอบในตัวนักการเมืองของเขาจึงพัฒนาตามช่วงวัยที่โตขึ้น

สมัยหนึ่งเขาชื่นชอบความเป็นคนตรงไปตรงมาของ สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย และ เฉลิม อยู่บำรุง ชื่นชอบ ทักษิณ ชินวัตร ที่เข้ามาสร้างความแปลกใหม่ มาเป็นทางเลือกให้กับคนไทย

คมสัณฑ์-1

ผันตัวเองจากนักธุรกิจเข้าสู่ถนนการเมือง ในยุคสมัยหนึ่ง ชื่นชมความรู้ความสามารถของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

“ผมจะมองเป็นยุคๆ ตอนอายุ 12-13 ปีก็ชอบคุณสมัคร ส่วนหนึ่งอาจได้แรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อ เพราะท่านชอบพรรคประชากรไทย เมื่อเราโตขึ้นเริ่มมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ก็เป็นท่านสุรินทร์ พิศสุวรรณท่านมีความสามารถและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ ในแง่ของโมเดลการทำงานนั้นยกให้ ผลงานการตรวจสอบของ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมัยอภิปรายไม่ไว้วางใจโครงการจำนำข้าว

ผมไม่มีไอดอลและไม่ได้อิงว่า ใครจะเป็นนายกฯ และไม่จำเป็นต้องอยู่ในรัฐบาล แต่ผมมองการทำหน้าที่ ซึ่งคุณหมอวรงค์ท่านทำได้ดี มีข้อมูลชัดเจน เป็นข้อมูลที่พิสูจน์ได้”

เหตุผลสำคัญของ “คมสัณห์” ไม่ต่างไปจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชักแถวเดินเข้าพรรคพลังประชารัฐก่อนหน้านี้ เพราะได้ใจและตอบโจทย์คนยุคใหม่

“จากการเข้าร่วมประชุมพรรคในหลายครั้ง เราเห็นว่า ทางพรรคเปิดกว้างและให้บทบาทกับคนรุ่นใหม่จริง และเราก็มั่นใจว่า เราดีพอ ผมเชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ เรื่องของการเมืองมีทั้งขาวและดำ พวกผมไม่ได้โลกสวย การเมืองรอบนี้อาจจะไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือเหมือนการเลือกตั้งในฝรั่งเศส หรือแคนาดา

แต่พวกเรา เห็นว่า รอบนี้เป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่จริงๆ พวกผมขอแค่โอกาสและเปิดรับฟัง พวกเราไม่ต้องการแค่ว่า นี่คือคนรุ่นใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ แต่พวกเราต้องการที่จะย่อยในส่วนของเคสที่ต้องการจะเสนอออกมา พยายามสื่อให้ได้ เร็วและ ง่าย และตรงมากกว่า วันนี้ผมสมัครทางใจแล้ว เราอยากจะสาน นโยบายต่อ อะไรที่มันดีก็ทำต่อ

พวกเราไม่มีอะไรมาครอบงำ

ถ้าเราได้นํ้าดีที่จะไปชูประเด็น หรือนโยบายที่น่าสนใจและตอบโจทย์จริงๆ ผมเชื่อว่า เราน่าจะพอเปลี่ยนแปลงได้ มันคงไม่ใช่เปลี่ยนจากดำเป็นขาวได้เลยทีเดียว แต่ต้องค่อยๆ เริ่ม ให้มีโอกาส มีพื้นที่ที่พวกเราจะได้ออกความคิดเห็น เอาแค่ในกรุงเทพฯ หรือในต่างจังหวัดที่พยายามจะชูคนรุ่นใหม่จริงๆ ที่ไม่ใช่นอมินี

คมสัณฑ์-3

ถ้าเราไม่เริ่มจากหนึ่ง สอง สาม ก็คงจะก้าวไปไม่ถึงร้อยได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในพรรคต้องมีกลุ่มก้อนเก่าๆ เข้ามาด้วย ต้องมีฐานเสียงเพื่อที่จะไปถึงจุดหมายปลายทาง ไปให้ถึงฝั่งฝัน

พวกเราไม่ใช่ ไม่ว่าจะนามสกุลหรือตัวผู้เล่นที่ไม่ได้เอาครอบครัวมาเป็นนอมินีใคร หรือเป็นวงศ์วานหว่านเครือของใคร เรามีจุดยืนอยากจะให้ ขอแค่โอกาสจากประชาชน

ตรงนี้สำคัญมาก พวกผมเป็นนักธุรกิจ ถ้าเรากลัวไม่กล้าเปิดหน้า อยู่เฉยๆ สบายกว่า แต่เราอยากจะมีส่วนที่จะเสนอความคิดเชิงสร้างสรรค์ และอยากให้สนามการเมืองอาจเริ่มจากกรุงเทพฯ ที่บางเขต รู้สึกว่าน่าจะพอไปได้ ถามว่า โลกสวยไหม คือ พวกเราพยายามที่จะมองปลายทางให้ดีไว้ก่อน กลางทางเมื่อเจออะไรก็ต้องสู้กับมัน ผมว่าต้องมีกรอบความคิดของเรา คิดว่าก็น่าจะพอไปได้ คือ พอถึงเวลามีโคลนสาดมาบ้าง ต้องหลบกันไป ฮ่าๆๆๆๆ ผมเชื่อว่า นักการเมืองหน้าเก่าๆ ที่ดีๆ ก็ยังมี

เป้าหมายทางการเมืองของผม คือ ต้องการอยากเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะทางด้านไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นส.ส.หรือไม่ หรือทีมช่วยงาน ก็ได้ ไม่ได้มองว่าจะต้องลงส.ส. แต่เรารู้สึกว่า ส่วนที่เราจะช่วยได้จริงๆ ก็มีประสบการณ์การทำงาน การบริหาร การตัดสินใจจากประสบ การณ์ในองค์กรของเราที่มีลูกน้องอยู่หลายร้อยคน

เชื่อว่าผู้ใหญ่คงมองเห็นอะไรในตัวเรา มองเห็นความสามารถที่จะช่วยได้ ผมเชื่อว่า ผม ทำอะไรได้มากกว่าการเป็น ส.ส. และผมก็ไม่ได้หวังตำแหน่งอะไร หากเรามองถึงปัญหาของประเทศ ทำเวิร์กช็อป นั่งพูดคุย ลงพื้นที่กันอย่างจริงจัง เราเห็นปัญหาบางส่วนที่มองว่า เราช่วยได้

เราคงเปลี่ยนประเทศคนเดียวไม่ได้ แต่ถ้าเราคิดว่า ถ้าเรารู้จริงแล้วพยายามช่วยเริ่มจากเรื่องเล็กๆ มันก็จะพอทำได้ ถ้าเราตั้งใจ เรามองว่า เราช่วยอะไรได้มากกว่า พวกผมอยากทำงานการเมืองครับ เราไม่ได้อยากเป็นนักการเมือง ดังนั้น อะไรที่คิดว่าพอจะทำได้ ช่วยได้เราก็อยากเข้ามาช่วย

คมสัณห์2

“การเมืองคืออำนาจ แต่พวกเราเข้ามาทำงานการเมืองเพราะว่าต้องการหาโอกาสในการช่วยกันพัฒนาประเทศ ในส่วนที่เราสามารถจะทำได้ พวกเรามีของ แต่ที่ผ่านมาเรามีโอกาสไหม แต่นี่ทางพรรคให้โอกาส”

กลุ่มพวกคนรุ่นใหม่ ที่เราตั้งใจจริง และลงพื้นที่อยากจะผลักดันให้เกิดขึ้นมี 3 เรื่องหลักๆ คือ สาธารณสุข ซึ่งมาจากพื้นฐานของพวกเราเป็นเรื่องหลักที่อยากมาช่วยกันพัฒนา

เราทราบว่า สาธารณสุขมีปัญหาอะไร ควรจะพัฒนาปรับ ปรุงอย่างไร ปัญหาโรงพยาบาลเป็นอย่างไร 30 บาทดีอยู่แล้ว แต่เราจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างไร นโยบายที่ดีอยู่แล้วจะไปเปลี่ยน ไม่ใช่ อะไรที่เป็นประโยชน์คงไว้ แล้วไปเสริมให้ดีขึ้น เป็นต้น

ซึ่งก็เชื่อมโยงได้กับทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงศึกษาฯ ซึ่งพอที่จะรู้ว่า เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญและขับเคลื่อนอนาคตมาก เช่น สาธารณสุขลิงก์กับกระทรวงเกษตรฯ คือ ถ้าเรารู้จักหาพืชเศรษฐกิจมาทำสัก 2-3 ตัว มีกระทรวงศึกษาธิการ เชื่อว่า ถ้ามีโอกาสสานต่อและมีองค์ความรู้จากคนรุ่นใหม่ เด็กควรได้อะไรที่ไม่ใช่จากหลักสูตรเดิมๆ

บางคนอาจมองเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กลุ่มผมเห็นว่า เป็นเรื่องที่สำคัญและต้องพยายามผลักดัน เพราะมันเป็นอนาคตของคนรุ่นต่อๆ ไป ไม่อยากให้มองเฉพาะแค่เรื่องของเศรษฐกิจ พวกผมยังมอง 3 เรื่องนี้ ถ้าทำได้ดี อนาคตเราจะเห็นแสงสว่างมากขึ้น

สำหรับผมไม่ว่าจะอยู่มุมไหน หรือส่วนไหน ถ้าทางพรรคยังให้โอกาสผมก็เต็มที่ครับ ไม่คิดว่าจะได้ลงหรือไม่ได้ลงส.ส. แต่คิดว่าได้ช่วยแน่

อีกหนึ่งแนวคิดของ “คนรุ่นใหม่” ที่อยากเห็นการเปลี่ยน แปลงทางการเมือง แล้วลงมือทำด้วยตัวเอง

  • หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3425 หน้า 14 ระหว่างวันที่ 9-12 ธ.ค.2561


595959859