ปรับแผนยุทธศาสตร์ร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน5 ปี55โครงการค่า 1.62 ล้านล.
ปรับแผนยุทธศาสตร์การร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน 5 ปี 55 โครงการ มูลค่า 1.62 ล้านล้าน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า วันนี้ (24 ตุลาคม2560) ที่ประชุมเห็นชอบการปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์กองทุนส่งเสริมให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (แผนยุทธศาสตร์ฯ) พ.ศ.2560-2564 แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 เป็นกิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-out) ซึ่งเป็นกิจการที่รัฐมีเป้าหมายในลักษณะการให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นหลัก จำนวน 4 กิจการ คือ 1.กิจการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง 2.กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางในเมือง 3.กิจการพัฒนาท่าเรือสาธารณะสำหรับขนส่งสินค้า และ4.กิจการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง จำนวน 16 โครงการ
กลุ่มที่ 2 เป็นกิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-in) จำนวน 18 กิจการ อาทิ กิจการพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม กิจการพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางระหว่างเมือง กิจการพัฒนาสถานีขนส่งบรรจุแยกและกระจายสินค้า กิจการพัฒนาระบบตั๋วร่วม กิจการพัฒนาธุรกิจและบริหารพื้นที่ท่าอากาศยาน กิจการพัฒนาระบบจัดการคุณภาพน้ำ กิจการพัฒนาระบบชลประทาน เป็นต้น จำนวน 39 โครงการ รวมทั้งสิ้น 55 โครงการ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.62 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการในแต่ละกิจการนั้นต้องคำนึงถึง ความเชื่อมโยงของขอบเขตงานและระยะเวลาในการพัฒนาและดำเนินโครงการเพื่อไม่ให้มีการลงทุนซ้ำซ้อนและประชาชน สามารถได้รับบริการสาธารณะอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด คำนึงถึงความเชื่อมโยงภายในกิจการเดียวกัน รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างกิจการภายในสาขา ตลอดจนความเชื่อมโยงระหว่างกิจการกับกิจการในสาขาอื่นด้วย
“เมื่อครม.เห็นชอบในวันนี้แล้ว ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ คณะกรรมการพีพีพี ดำเนินการต่อไปได้” นายกอบศักดิ์ ระบุและว่า
สำหรับสาเหตุจำนวนโครงการลดลงจากมติเดิมจำนวน 65 โครงการ เป็น 55 โครงการนั้น เนื่องจากบางโครงการมีการลงนามไปแล้วจึงมีการดึงโครงการนั้นออกไป ขณะที่บางโครงการต้นสังกัดเสนอขอปรับเปลี่ยนจากการทำพีพีพี เป็น การใช้งบประมาณของรัฐเอง
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า วันนี้ (24 ตุลาคม2560) ที่ประชุมเห็นชอบการปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์กองทุนส่งเสริมให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (แผนยุทธศาสตร์ฯ) พ.ศ.2560-2564 แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 เป็นกิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-out) ซึ่งเป็นกิจการที่รัฐมีเป้าหมายในลักษณะการให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นหลัก จำนวน 4 กิจการ คือ 1.กิจการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง 2.กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางในเมือง 3.กิจการพัฒนาท่าเรือสาธารณะสำหรับขนส่งสินค้า และ4.กิจการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง จำนวน 16 โครงการ
กลุ่มที่ 2 เป็นกิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-in) จำนวน 18 กิจการ อาทิ กิจการพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม กิจการพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง กิจการพัฒนาถนนที่มีการเก็บค่าผ่านทางระหว่างเมือง กิจการพัฒนาสถานีขนส่งบรรจุแยกและกระจายสินค้า กิจการพัฒนาระบบตั๋วร่วม กิจการพัฒนาธุรกิจและบริหารพื้นที่ท่าอากาศยาน กิจการพัฒนาระบบจัดการคุณภาพน้ำ กิจการพัฒนาระบบชลประทาน เป็นต้น จำนวน 39 โครงการ รวมทั้งสิ้น 55 โครงการ ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.62 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการในแต่ละกิจการนั้นต้องคำนึงถึง ความเชื่อมโยงของขอบเขตงานและระยะเวลาในการพัฒนาและดำเนินโครงการเพื่อไม่ให้มีการลงทุนซ้ำซ้อนและประชาชน สามารถได้รับบริการสาธารณะอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด คำนึงถึงความเชื่อมโยงภายในกิจการเดียวกัน รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างกิจการภายในสาขา ตลอดจนความเชื่อมโยงระหว่างกิจการกับกิจการในสาขาอื่นด้วย
“เมื่อครม.เห็นชอบในวันนี้แล้ว ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ คณะกรรมการพีพีพี ดำเนินการต่อไปได้” นายกอบศักดิ์ ระบุและว่า
สำหรับสาเหตุจำนวนโครงการลดลงจากมติเดิมจำนวน 65 โครงการ เป็น 55 โครงการนั้น เนื่องจากบางโครงการมีการลงนามไปแล้วจึงมีการดึงโครงการนั้นออกไป ขณะที่บางโครงการต้นสังกัดเสนอขอปรับเปลี่ยนจากการทำพีพีพี เป็น การใช้งบประมาณของรัฐเอง
