ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจตน์ ศิรธรานนท์ และนายยุทธนา ทัพเจริญ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) พร้อมด้วย นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. .... ตามมาตรา 157 วรรค5 ของรัฐธรรมนูญ ร่วมกันแถลงข่าวว่า ในการประชุม สนช. สัปดาห์นี้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. .... ซึ่งได้พิจารณาร่าง พ.ร.ป. และจัดทำรายงานพร้อมข้อสังเกตเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำเข้าสู่ที่ประชุมสนช.ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เป็นวาระแรก ซึ่ง กมธ. จะรายงานผลการพิจารณา และให้ กมธ. เสียงข้างน้อยที่สงวนความเห็นทั้ง 6 ประเด็น คือ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง อภิปรายในประเด็นที่สงวนความเห็น และกมธ. เสียงข้างมากจะอภิปรายเหตุผลประกอบคำชี้แจงทีละประเด็น ซึ่งที่ประชุมฯ จะไม่มีการลงมติรายมาตรา แต่จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น
โฆษก วิป สนช. ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงวาระการประชุมในวันเดียวกันว่า ที่ประชุมจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. .... ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3
รวมถึงจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. .... ร่วม 3 ฝ่าย ตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอความเห็นว่าขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 5 ประเด็น ได้แก่
1. กระบวนการให้สมาชิกพรรคการเมืองมีส่วนร่วมในการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
2. การให้หัวหน้าพรรคการเมืองอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง ไม่สามารถลงสมัครแบบเขตพื้นที่ได้
3. การกำหนดให้จังหวัดที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือสาขาพรรคการเมือง ต้องมีสมาชิกในทุกเขตเลือกตั้งมาประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน อาจปฏิบัติไม่ได้
4. ที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และคณะกรรมการสรรหาไม่เห็นช่วยด้วยกับการเลือกตั้ง อาจทำให้การเลือกตั้งช้า
และ 5. การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก เมื่อร่าง พ.ร.ป. นี้มีผลบังคับใช้แล้ว พรรคใหญ่ที่มีความพร้อมมากกว่าจะมีความได้เปรียบ
ทั้งนี้ สำหรับสัดส่วนของ สนช. เบื้องต้นจะประกอบด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่1 พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสนช. ส่วนท่านอื่นยังอยู่ระหว่างการพิจารณา