ไม่ง่าย! ผุดสนามบินพังงา นายกฯ ชี้ "หากทำไม่ได้ ก็ไม่ทำ" ย้ำ'ต้องเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม'
27 มิ.ย. 60- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงกระเเสข่าวที่นสพ.ฐานเศรษฐกิจเเละสปริงนิวส์ทีวีดิจิทัลช่อง 19 เสนอข่าวอย่างต่อเนื่องว่า บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บางกอกแอร์เวย์ส ขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคลองทุ่งมะพร้าว ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เพื่อสร้างสนามบินพาณิชย์จังหวัดพังงา
โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มีการเสนอขอเรื่องนี้เข้ามาอย่างเป็นทางการ ยังเป็นกระแสข่าว ดังนั้นต้องรอให้มีการส่งเรื่องเข้ามาอย่างถูกต้อง ซึ่งถ้าพิจารณาแล้วว่าทำได้ ก็ทำ แต่ถ้าดูแล้วว่าทำไม่ได้ ก็ไม่ทำ ทั้งนี้หลายๆอย่างมีการพูดคุยเล่าต่อกันมา แต่ตนยืนยันว่ายังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าวเข้ามา อย่างไรก็ตาม มันจะต้องไปอยู่ในแผนพัฒนาของกระทรวงคมนาคมในด้านการพัฒนาสนามบินภายในประเทศที่ต้องเชื่อมโยงกับสนามบินอื่นๆในประเทศ และกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีซึ่งประกอบด้วยสปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม รวมถึงต้องพิจารณาด้วยว่าจะทำอย่างไรหากมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เราต้องดูทั้งสองทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอยู่ตรงไหน ขณะเดียวกันต้องรักษาทรัพยากรของชาติไว้ให้มากที่สุดได้อย่างไร จึงต้องไปหามาตรการที่เหมาะสมมาดำเนินการ อาทิ เรื่องที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) รวมประมาณ 40 กว่าล้านไร่ซึ่งครอบคลุมพื้นที่โรงพยาบาล โรงเรียน สถานที่ราชการ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และส.ป.ก.ต้องพิจารณาว่าจะมีมาตรการดูแลอย่างไรในการขนย้ายคนออกจากพื้นที่ดังกล่าว และต้องหาพื้นที่มาทดแทนให้พวกเขา ซึ่งในส่วนของเกษตรกร สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินได้ไปดำเนินการเรื่องที่ดินให้เกษตรกรแล้วส่วนหนึ่ง ร่วมกับการจัดหาที่ดินของส.ป.ก.
"ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่ากิจการที่เข้ามาใช้ที่ดินส.ป.ก. แม้เป็นการลงทุน เช่น กิจการไฟฟ้า พลังงาน ฯลฯ เป็นประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่นั้นๆหรือไม่ วันนี้เราต้องไปดูแล เพราะมีบางเรื่องที่แม้เกิดขึ้นมานานแล้วก่อนที่รัฐบาลของตนจะเข้ามา แต่ได้ส่งผลกระทบกับประชาชนที่ได้รับประโยชน์ เมื่อกิจการนั้นๆต้องหยุดลงไป ก็ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการดูแลตรงนั้นแล้วจะต้องทำอย่างไร แต่ตนรับประกันว่าไม่ได้ให้ใครมาใช้ประโยชน์ใหม่ลักษณะนี้ได้ทั้งหมด แต่ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยหลายหน่วยงาน และดูกฎหมายของแต่ละกระทรวงประกอบกัน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มีการเสนอขอเรื่องนี้เข้ามาอย่างเป็นทางการ ยังเป็นกระแสข่าว ดังนั้นต้องรอให้มีการส่งเรื่องเข้ามาอย่างถูกต้อง ซึ่งถ้าพิจารณาแล้วว่าทำได้ ก็ทำ แต่ถ้าดูแล้วว่าทำไม่ได้ ก็ไม่ทำ ทั้งนี้หลายๆอย่างมีการพูดคุยเล่าต่อกันมา แต่ตนยืนยันว่ายังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าวเข้ามา อย่างไรก็ตาม มันจะต้องไปอยู่ในแผนพัฒนาของกระทรวงคมนาคมในด้านการพัฒนาสนามบินภายในประเทศที่ต้องเชื่อมโยงกับสนามบินอื่นๆในประเทศ และกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีซึ่งประกอบด้วยสปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม รวมถึงต้องพิจารณาด้วยว่าจะทำอย่างไรหากมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เราต้องดูทั้งสองทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอยู่ตรงไหน ขณะเดียวกันต้องรักษาทรัพยากรของชาติไว้ให้มากที่สุดได้อย่างไร จึงต้องไปหามาตรการที่เหมาะสมมาดำเนินการ อาทิ เรื่องที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) รวมประมาณ 40 กว่าล้านไร่ซึ่งครอบคลุมพื้นที่โรงพยาบาล โรงเรียน สถานที่ราชการ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และส.ป.ก.ต้องพิจารณาว่าจะมีมาตรการดูแลอย่างไรในการขนย้ายคนออกจากพื้นที่ดังกล่าว และต้องหาพื้นที่มาทดแทนให้พวกเขา ซึ่งในส่วนของเกษตรกร สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินได้ไปดำเนินการเรื่องที่ดินให้เกษตรกรแล้วส่วนหนึ่ง ร่วมกับการจัดหาที่ดินของส.ป.ก.
"ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่ากิจการที่เข้ามาใช้ที่ดินส.ป.ก. แม้เป็นการลงทุน เช่น กิจการไฟฟ้า พลังงาน ฯลฯ เป็นประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่นั้นๆหรือไม่ วันนี้เราต้องไปดูแล เพราะมีบางเรื่องที่แม้เกิดขึ้นมานานแล้วก่อนที่รัฐบาลของตนจะเข้ามา แต่ได้ส่งผลกระทบกับประชาชนที่ได้รับประโยชน์ เมื่อกิจการนั้นๆต้องหยุดลงไป ก็ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการดูแลตรงนั้นแล้วจะต้องทำอย่างไร แต่ตนรับประกันว่าไม่ได้ให้ใครมาใช้ประโยชน์ใหม่ลักษณะนี้ได้ทั้งหมด แต่ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยหลายหน่วยงาน และดูกฎหมายของแต่ละกระทรวงประกอบกัน" นายกรัฐมนตรี กล่าว