ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง! 'ประพันธุ์ คูณมี' คดีหมิ่น 'คิงเพาเวอร์'
จากกรณี คิงเพาเวอร์ ฟ้องนายประพันธุ์ คูณมี ข้อหาหมิ่นประมาท จากการที่ขึ้นเวทีปราศรัย ล่าสุดศาลอุทธรณ์สั่งยกฟ้อง
---21 มิ.ย.60--- ผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น นายประพันธุ์ คูณมี อดีตนักการเมืองได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความทั้งหมดระบุว่า
วันนี้ต้องตื่นแต่เข้ามืด05.30น. เพื่อรีบเดินทางมาขึ้นเครื่องให้ทันเวลา07.35น ไปศาล จ.ภูเก็ต นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีระหว่างบริษัท คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ จำกัด โจทก์ ฟ้องผมเป็นจำเลยที่1ร่วมกับ บ.ไทยเดย์ดอทคอมและกรรมการบริษัท เป็นจำเลยที่2-3-4ซึ่งคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปแล้ว แต่โจทก์ยังไม่ยอมรับผลตามคำวินิจฉัยของศาล โดยได้ยื่นอุทธรณ์จะให้ผมได้รับโทษให้ได้ ผมต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงภูเก็ต ด้วยความลำบากและทุลักทุเลอย่างยิ่ง เหตุเพราะสภาพจราจรยามเช้าในกรุงเทพฯวันนี้ติดมากเอาการทีเดียว ผมมาถึงสนามบินเหลือเวลา35นาทีก่อนเครื่องออก เช็คอินไม่ได้ต้องตกเครื่อง จำต้องเปลี่ยนเวลาเดินทางเป็น 09.55 น. ถึงภูเก็ต 11.20น. รถมารับถึงศาล 12.10 น. นับว่าเป็นความกรุณาของศาลที่เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปจนเมื่อผมมาถึงศาล
ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ดังกล่าว และด้วยความกรุณาอย่างยิ่งจากศาล ที่เห็นว่าผมไม่ได้มีเจตนาหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา เพราะผมได้ให้ผู้ช่วยทนายความเรียนศาลถึงเหตุขัดข้องนั้นแล้ว
ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เมื่อเวลา 12.15 น. และอ่านจบในเวลา 12.30 น. โดยศาลอุทธรณ์ได้โปรดกรุณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 คือ ตัวผม มิได้กล่าวหาใส่ความโจทก์ และมิได้พูดหรือปราศรัยโดยหมายถึงโจทก์ บริษัทคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ จำกัด อันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทแต่อย่างใด จำเลยพูดถึงบุคคลอื่น จึงพิพากษายกฟ้อง
นี่เป็นคดีที่ 3 ที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ ในจำนวน 5 คดีที่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฟ้องผม ซึ่งทั้ง 3 คดีนี้ก็ถึงที่สุดแล้วครับ ผมต้องขอขอบพระคุณต่อศาลสถิตย์ยุติธรรม ที่ได้กรุณาพิพากษาให้ความเป็นธรรมกับผมและจำเลยร่วมในคดี
อย่างไรก็ตามคดีระหว่างผมกับบริษัทคิงเพาเวอร์ก็ยังไม่จบครับ บริษัทนี้กับทนายของเขายังมาฟ้องผมเป็นคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งที่ศาลแพ่ง กรุงเทพฯ อ้างว่าที่ผมพูดทำให้เขาเสียหายหลายร้อยล้านบาท วิญญูชนทั้งหลายก็ได้โปรดพิจารณา ทุกวันนี้เขาเสียหายหรือร่ำรวยขึ้นมหาศาล คุณวิชัยติดทำเนียบเศรษฐีเมืองไทยเพราะค้าขายอะไร ร่ำรวยจากธุรกิจใด รวยถึงขนาดนั้นแล้ว เขายังคิดมาฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากลูกปูอย่างผมอีก
เมื่อคิงเพาเวอร์ไม่ยอมเลิกรา และยังบังอาจมาฟ้องผมเช่นนี้ คงต้องถึงเวลาที่ผมต้องเอาคืนบ้างแล้วครับ หลายปีที่ผมต้องสู้คดีกับบริษัทที่ร่ำรวยแบบสังคมตั้งคำถาม หลายหน่วยงานตรวจสอบแต่เขายังลอยหน้า เขาเอาคำปราศรัยที่ผมพูดหนึ่งครั้งมาแยกฟ้องผมเป็นคดีอาญา 2 คดี ในกรรมเดียวให้คิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรีฟ้อง 1 คดี ให้คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิฟ้องอีก 1คดี ด้วยวิธีนี้ ผมพูด 2 กรรมเขาฟ้องผม 4 คดี ในศาลแต่ละจังหวัดต่างกันคือที่ กรุงเทพฯ พัทยา สมุทรปราการ เชียงใหม่ แล้วยังแถมเอาเรื่องที่ผมไม่ได้พูดถึงทั้ง 2 บริษัท มาฟ้องผมที่ศาลภูเก็ตอีก 1 คดี
อย่างนี้แล้วจะไม่ให้ผมเอาคืนได้อย่างไร ที่ศาลยกฟ้องมาแล้วทั้ง 3 ศาลคือที่เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต เป็นข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ว่า เขาใช้สิทธิโดยกลั่นแกล้งฟ้องผมให้รับโทษทางอาญา และเป็นฟ้องเท็จ ผมต้องเดินทางไปต่อสู้แก้คดีทั่วประเทศ เสียเงินเสียเวลา สิ้นค่าใช้จ่ายด้วยตนเองไม่น้อย เป็นเวลาถึง 6 - 7 ปี ที่ผมต่อสู้คดีกับเขา โดยไม่เคยปริปากบ่นกับใคร บัดนี้ เป็นความจำเป็นและถึงเวลาที่ผมต้องเอาคืนเขาบ้างแล้วครับ
ผมขอขอบคุณศาลจังหวัดภูเก็ต และศาลอุทธรณ์ภาค 8 รวมถึงศาลจังหวัดพัทยาและเชียงใหม่ ที่เมตตากรุณาให้ความเป็นธรรมกับผมครับ
---21 มิ.ย.60--- ผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น นายประพันธุ์ คูณมี อดีตนักการเมืองได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความทั้งหมดระบุว่า
วันนี้ต้องตื่นแต่เข้ามืด05.30น. เพื่อรีบเดินทางมาขึ้นเครื่องให้ทันเวลา07.35น ไปศาล จ.ภูเก็ต นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีระหว่างบริษัท คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ จำกัด โจทก์ ฟ้องผมเป็นจำเลยที่1ร่วมกับ บ.ไทยเดย์ดอทคอมและกรรมการบริษัท เป็นจำเลยที่2-3-4ซึ่งคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปแล้ว แต่โจทก์ยังไม่ยอมรับผลตามคำวินิจฉัยของศาล โดยได้ยื่นอุทธรณ์จะให้ผมได้รับโทษให้ได้ ผมต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงภูเก็ต ด้วยความลำบากและทุลักทุเลอย่างยิ่ง เหตุเพราะสภาพจราจรยามเช้าในกรุงเทพฯวันนี้ติดมากเอาการทีเดียว ผมมาถึงสนามบินเหลือเวลา35นาทีก่อนเครื่องออก เช็คอินไม่ได้ต้องตกเครื่อง จำต้องเปลี่ยนเวลาเดินทางเป็น 09.55 น. ถึงภูเก็ต 11.20น. รถมารับถึงศาล 12.10 น. นับว่าเป็นความกรุณาของศาลที่เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปจนเมื่อผมมาถึงศาล
ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ดังกล่าว และด้วยความกรุณาอย่างยิ่งจากศาล ที่เห็นว่าผมไม่ได้มีเจตนาหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา เพราะผมได้ให้ผู้ช่วยทนายความเรียนศาลถึงเหตุขัดข้องนั้นแล้ว
ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เมื่อเวลา 12.15 น. และอ่านจบในเวลา 12.30 น. โดยศาลอุทธรณ์ได้โปรดกรุณาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 คือ ตัวผม มิได้กล่าวหาใส่ความโจทก์ และมิได้พูดหรือปราศรัยโดยหมายถึงโจทก์ บริษัทคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ จำกัด อันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทแต่อย่างใด จำเลยพูดถึงบุคคลอื่น จึงพิพากษายกฟ้อง
นี่เป็นคดีที่ 3 ที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ ในจำนวน 5 คดีที่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฟ้องผม ซึ่งทั้ง 3 คดีนี้ก็ถึงที่สุดแล้วครับ ผมต้องขอขอบพระคุณต่อศาลสถิตย์ยุติธรรม ที่ได้กรุณาพิพากษาให้ความเป็นธรรมกับผมและจำเลยร่วมในคดี
อย่างไรก็ตามคดีระหว่างผมกับบริษัทคิงเพาเวอร์ก็ยังไม่จบครับ บริษัทนี้กับทนายของเขายังมาฟ้องผมเป็นคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งที่ศาลแพ่ง กรุงเทพฯ อ้างว่าที่ผมพูดทำให้เขาเสียหายหลายร้อยล้านบาท วิญญูชนทั้งหลายก็ได้โปรดพิจารณา ทุกวันนี้เขาเสียหายหรือร่ำรวยขึ้นมหาศาล คุณวิชัยติดทำเนียบเศรษฐีเมืองไทยเพราะค้าขายอะไร ร่ำรวยจากธุรกิจใด รวยถึงขนาดนั้นแล้ว เขายังคิดมาฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากลูกปูอย่างผมอีก
เมื่อคิงเพาเวอร์ไม่ยอมเลิกรา และยังบังอาจมาฟ้องผมเช่นนี้ คงต้องถึงเวลาที่ผมต้องเอาคืนบ้างแล้วครับ หลายปีที่ผมต้องสู้คดีกับบริษัทที่ร่ำรวยแบบสังคมตั้งคำถาม หลายหน่วยงานตรวจสอบแต่เขายังลอยหน้า เขาเอาคำปราศรัยที่ผมพูดหนึ่งครั้งมาแยกฟ้องผมเป็นคดีอาญา 2 คดี ในกรรมเดียวให้คิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรีฟ้อง 1 คดี ให้คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิฟ้องอีก 1คดี ด้วยวิธีนี้ ผมพูด 2 กรรมเขาฟ้องผม 4 คดี ในศาลแต่ละจังหวัดต่างกันคือที่ กรุงเทพฯ พัทยา สมุทรปราการ เชียงใหม่ แล้วยังแถมเอาเรื่องที่ผมไม่ได้พูดถึงทั้ง 2 บริษัท มาฟ้องผมที่ศาลภูเก็ตอีก 1 คดี
อย่างนี้แล้วจะไม่ให้ผมเอาคืนได้อย่างไร ที่ศาลยกฟ้องมาแล้วทั้ง 3 ศาลคือที่เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต เป็นข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ว่า เขาใช้สิทธิโดยกลั่นแกล้งฟ้องผมให้รับโทษทางอาญา และเป็นฟ้องเท็จ ผมต้องเดินทางไปต่อสู้แก้คดีทั่วประเทศ เสียเงินเสียเวลา สิ้นค่าใช้จ่ายด้วยตนเองไม่น้อย เป็นเวลาถึง 6 - 7 ปี ที่ผมต่อสู้คดีกับเขา โดยไม่เคยปริปากบ่นกับใคร บัดนี้ เป็นความจำเป็นและถึงเวลาที่ผมต้องเอาคืนเขาบ้างแล้วครับ
ผมขอขอบคุณศาลจังหวัดภูเก็ต และศาลอุทธรณ์ภาค 8 รวมถึงศาลจังหวัดพัทยาและเชียงใหม่ ที่เมตตากรุณาให้ความเป็นธรรมกับผมครับ