พศ.วาง 3 กรอบคุมเข้มทุจริตเงินวัด
“ผอ.พระพุทธศาสนา”หอบหลักฐานปมทุจริตเงินทอนวัดหารือ “รมต.ออมสิน” วาง 3 กรอบคุมเข้มเงินวัด
พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้นำหลักฐานข้อมูลการเชื่อมโยงปมทุจริตเงินอุดหนุนวัด หรือ “เงินทอน”ส่งให้กับนาย ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ. ซี่งหลักฐานที่นำมาเป็นรายงานที่ตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป.เปิดยุทธการปราบโกงเงินวัด ครั้งที่ 1 นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตข้าราชการระดับ ผอ.พศ. รอง ผอ.พศ. ระดับปฏิบัติการ ประชาชน และวัด ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า หลังจากหารือกัน สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนขณะนี้ต้องวาง 3 มาตรการหลัก คือ 1.มาตรการทางบัญชีที่ต้องมีประสิทธิภาพ 2.มาตรการตรวจสอบควบคุมรายการทรัพย์สินวัด 3.สามารถเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ เพราะที่ผ่านมาการเบิกจ่ายเงินวัดมีช่องโหว่ให้เจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินจนเกิดการทุจริตขึ้น ซึ่งอาจต้องใช้กฎหมาย โดยให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ออก เป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมาแก้ไขกันเองไม่ได้ผล ที่สำคัญเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระพุทธศาสนา รวมถึงความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน เป็นเรื่องที่ปล่อยไว้ไม่ได้
สำหรับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น เบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดำเนินการสอบสวนข้าราชการที่มีรายชื่อทุจริตเงินทอนวัด ส่วนผู้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ประชาชน และวัด ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนในทางคดีอาญา โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 4 ราย ที่เหลือกำลังเร่งตามหาตัว
ทั้งนี้เรื่องการทุจริตเงินทอนวัด กลายเป็นประเด็นสนใจขึ้นมา เมื่อตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นำกำลังเข้าตรวจค้น 10 จุดในหลายจังหวัด เพื่อตรวจค้นบ้านพักข้าราชการระดับสูง สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเครือข่าย เพื่อค้นหาเอกสารที่เชื่อมโยงกับการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ของ พศ. หลังตรวจพบมีวัดที่ร่วมทุจริต 12 แห่ง สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 60.5 ล้านบาท จากข้อมูล ปปป.ระบุเงินทอนจากงบที่โอนให้วัดสูงถึง 80% คือ ถ้าโอนให้วัด 10 ล้านบาท ต้องทอนกลับ 8 ล้านบาท เฉลี่ยมูลค่าการทุจริตเงินทอนประมาณวัดละ 4 ล้านบาท
พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้นำหลักฐานข้อมูลการเชื่อมโยงปมทุจริตเงินอุดหนุนวัด หรือ “เงินทอน”ส่งให้กับนาย ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ. ซี่งหลักฐานที่นำมาเป็นรายงานที่ตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป.เปิดยุทธการปราบโกงเงินวัด ครั้งที่ 1 นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตข้าราชการระดับ ผอ.พศ. รอง ผอ.พศ. ระดับปฏิบัติการ ประชาชน และวัด ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า หลังจากหารือกัน สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนขณะนี้ต้องวาง 3 มาตรการหลัก คือ 1.มาตรการทางบัญชีที่ต้องมีประสิทธิภาพ 2.มาตรการตรวจสอบควบคุมรายการทรัพย์สินวัด 3.สามารถเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ เพราะที่ผ่านมาการเบิกจ่ายเงินวัดมีช่องโหว่ให้เจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินจนเกิดการทุจริตขึ้น ซึ่งอาจต้องใช้กฎหมาย โดยให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ออก เป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมาแก้ไขกันเองไม่ได้ผล ที่สำคัญเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระพุทธศาสนา รวมถึงความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน เป็นเรื่องที่ปล่อยไว้ไม่ได้
สำหรับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น เบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดำเนินการสอบสวนข้าราชการที่มีรายชื่อทุจริตเงินทอนวัด ส่วนผู้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ประชาชน และวัด ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนในทางคดีอาญา โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 4 ราย ที่เหลือกำลังเร่งตามหาตัว
ทั้งนี้เรื่องการทุจริตเงินทอนวัด กลายเป็นประเด็นสนใจขึ้นมา เมื่อตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นำกำลังเข้าตรวจค้น 10 จุดในหลายจังหวัด เพื่อตรวจค้นบ้านพักข้าราชการระดับสูง สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเครือข่าย เพื่อค้นหาเอกสารที่เชื่อมโยงกับการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ของ พศ. หลังตรวจพบมีวัดที่ร่วมทุจริต 12 แห่ง สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 60.5 ล้านบาท จากข้อมูล ปปป.ระบุเงินทอนจากงบที่โอนให้วัดสูงถึง 80% คือ ถ้าโอนให้วัด 10 ล้านบาท ต้องทอนกลับ 8 ล้านบาท เฉลี่ยมูลค่าการทุจริตเงินทอนประมาณวัดละ 4 ล้านบาท