กกต.ถกฝ่ายก.ม.ชี้ สนช.เซ็ตซีโร่ 5 เสือ อาจขัดหลักนิติธรรม

12 มิ.ย. 2560 | 11:11 น.
“บุญส่ง” ชี้ สนช.เซตซีโร่กกต. อาจขัดหลักนิติธรรม-เจตนารมณ์รธน. เตรียมถกฝ่ายกฎหมายหารือประเด็นแย้งร่างพ.ร.ป.กกต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวนกล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ได้มีมติเซตซีโร่กกต.ว่า กกต.จะมีการประชุมร่วมกับทางคณะที่ปรึกษากฎหมายของกกต. ในวันที่14 มิถุนายนนี้ เพื่อปรึกษาหารือว่า มีประเด็นใดที่น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมหรือไม่ ซึ่งถ้าดูจากการอภิปรายของสนช.เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งตัวเองได้ดูทุกถ้อยคำของผู้ที่อภิปรายไม่เห็นด้วย ส่วนตัวเห็นว่ามีปัญหา คาดว่าน่าจะขัดต่อหลักนิติธรรม รวมทั้งอาจจะขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ในเรื่องคุณสมบัติของคนที่มีคุณสมบัติครยถ้วนตามรัฐธรรมนูญปี 2560

“ตามรัฐธรรมนูญการทำหน้าที่ของรัฐสภา องค์กรอิสระ หรือภาครัฐก็ดี จะต้องปฏิบัติตามหลักนิติธรรมด้วยซึ่งผมเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งอาจจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และในเรื่องกระบวนการตรากฎหมายที่มีการเปลี่ยนหลักการในวาระที่2 ซึ่งอาจจะขัดต่อนิติประเพณีในการตรากฎหมายหรือไม่ รวมทั้งอาจจะขัดต่อบทเฉพาะกาลอีกด้วย” นายบุญส่ง กล่าวตั้งข้อสังเกตและว่า นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอของร่างกฎหมายที่กกต.เห็นว่า จะมีประโยชน์ต่อการทำงานและสอดคล้องเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แต่ถูกกรธ.ตัดทิ้งทั้งหมด 4 ประเด็น คือ 1.เรื่องที่กกต.ได้อำนาจระงับยับยั้งการเลือกตั้งได้หากพบการทุจริต และสามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ใหม่ 2.การเลือกตั้งท้องถิ่น กฎหมายได้มอบหมายให้หน่วยงานจัดการเลือกตั้ง แต่ให้อยู่ภายใต้การดูแลของกกต. 3.การคุ้มครองกกต.และพนักงานเลือกตั้งที่จะไม่ถูกฟ้องทางแพ่ง อาญา และทางปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 และ4.สวัสดิการและค่ารักษาพยาบาลของพนักงาน กกต.

ส่วนข้อซักถามที่ว่า ในกฎหมายใหม่ให้กกต.แต่ละคน ลงพื้นที่และให้อำนาจกำกับดูแลการเลือกตั้ง ซึ่งหากเป็นกกต.ชุดใหม่ที่ขาดประสบการณ์จะมีปัญหาเกี่ยวกับการลงพื้นที่ นายบุญส่ง มองว่า สามารถทำงานได้ และถ้าเป็นนักกฎหมายจะเข้าใจกฎหมายและระเบียบต่างๆได้ดี เพราะกว่าจะเข้าใจกฎหมายจะต้องใช้เวลานาน และกว่าจะได้รับความเชื่อถือ และศรัทธาจากคนในองค์กรค่อนข้างยาก ต้องเข้าใจว่าองค์กรกกต.มีปัญหาพอสมควรในเรื่องการบริหารงานบุคคล แต่เชื่อว่า คงทำได้ แต่จะรู้เท่าทันในสิ่งเหล่านี้หรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป

อย่างไรก็ดี ไม่ขอให้ความเห็นเรื่องที่สนช.มีมติเซตซีโร่กกต. เพราะจะเป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งประเด็นที่จะโต้แย้งกลับไปนั้นจะต้องหารือกันอีกครั้ง เพราะอาจจะไม่ใช่แค่ประเด็นคุณสมบัติ แต่ยังมีประเด็นที่เชื่อว่า ถ้ากระบวนการไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะมีประเด็นเพิ่มขึ้นอีก คงไม่มีการเรียกร้องสิทธิใด เพราะไม่ใช่เรื่องของสิทธิ แต่เป็นเรื่องของเกียรติ และศักดิ์ศรีขององค์กรมากกว่า ส่วนตัวเองนั้นได้รับผลกระทบน้อยมากเพราะจะเกษียณอายุในปี 2561

“การตรากฎหมายต้องมีมาตรฐาน ไม่ใช่หลายมาตรฐานที่ต้องสู้เพื่อรักษามาตรฐาน ยกตัวอย่างหากศาลรัฐธรรมนูญถูกฟ้องเสียเองตามกฎหมายวิธีประกอบพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร ใครจะเป็นผู้วินิจฉัยในสิ่งเหล่านี้ เพราะกฎหมายไม่ได้ให้องค์กรอื่นมาพิจารณาความชอบของรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าการเซตซีโร่กกต.ไม่ได้เป็นการบั่นทอนจิตใจ และจะไม่ลาออกตามที่ฝ่ายการเมืองได้เสนอ เพราะจะทำให้องค์กรมีปัญหาได้” นายบุญส่ง กล่าวทิ้งท้าย