ตรวจแถวหัวหน้าพรรค ‘ ลูกท็อป’นำทีม‘นิวบลัด’ชาติไทยพัฒนา

27 เม.ย. 2560 | 03:00 น.
ทันทีที่ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มปรากฎความชัดเจนขึ้น ก็ยิ่งเห็นภาพความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองชัดขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้แต่ละพรรคการเมืองเสนอรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในช่วงหาเสียงเลือกตั้งไม่เกิน 3 รายชื่อ ทำให้เก้าอี้หัวหน้าของพรรคใหญ่พรรคเล็กที่ยังไม่ตกผนึก ถูกสังคมโฟกัสอย่างใกล้ชิด
ที่กำลังอยู่ในกระแสเรื่องนี้จึงหนีไม่พ้นพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะแกนนำพรรคถือฤกษ์ดีวันปีใหม่ไทย เปิดตัว “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “ป๋าเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา ในงานรดน้ำดำหัว ประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา เรียบร้อยแล้ว

นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในเชิงยุทธศาสตร์ของพรรค การเลือกตั้งสมัยหน้าต้องการชูคนหนุ่ม คนสาวเข้ามาทำงานการเมือง เพราะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะ พรรคชาติไทยพัฒนาก็ต้องวิ่งเร็ว และวิ่งตามโลกให้ทัน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นเก่าวิ่งตามโลกไม่ทัน เพียงแต่ต้องการสื่อว่า ประชานส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หันมาสนใจสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความก้าวหน้าของไอที หรือเรื่องเศรษฐกิจ 4.0 เป็นต้น เมื่อโลกต้องการสิ่งเหล่านี้ก็ต้องให้คนรุ่นใหม่มาดูแลมากขึ้น แต่แกนนำพรรครุ่นก่อนก็ยังช่วยดูแล และเป็นที่ปรึกษาให้อยู่ด้วย

เรื่องการเปลี่ยนตัวบุคคลจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องทางกายภาพ สำคัญที่วิธีคิด จิตวิญญาณ เนื่องจากพรรคชาติไทยพัฒนาในทางการเมืองอยู่มานาน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสิ่งแวดล้อม ทัศนคติคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไปก็ต้องมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นธรรมดา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครเป็นลูกหลานของอดีตส.ส.และคนในพรรค จะมองว่าเป็นทายาทคงไม่ใช่ เพราะคนกลุ่มนี้สัมผัสกับการเมืองมาต้องมีซึมซับการเมือง เหมือนนกขมิ้นสีเดียวกันก็ต้องอยู่ในฝูงเดียวกัน มีแนวคิดและทัศนคติที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถ และที่สำคัญมีการศึกษาสูง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสต์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาล คสช.วางไว้

แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ยังบอกอีกว่า ในการเลือกตั้งสมัยหน้าพรรคกำลังมองหาผู้หญิงรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนนโยบาย เพราะบางนโยบายต้องให้ผู้หญิงดูและจะเหมาะสมมากกว่าผู้ชาย

“พรรคชาติไทยพัฒนา มีการพัฒนามาแล้ว 3 รุ่น รุ่นแรกที่บุกเบิกพรรค คือท่านบรรหาร ต่อมาก็เข้าสู่รุ่นยังบลัด หรือรุ่นสอง มีท่านสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล คุณกัญจนา ศิลปอาชา และรุ่น 3 หรือนิวบลัด ที่รอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังกฎหมายเสร็จสิ้น ก็คือ รุ่นคุณวราวุธ ศิลปอาชา คุณกรวีร์ และ ภราดร ปริศนานันทกุล ลูกชายคุณสมศักดิ์

ที่ผ่านมา หัวหน้าบรรหาร สอนเราไว้ไม่ให้ทิ้งกัน ต้องไปด้วยกันทั้งทุกระดับ เหมือนเพลงเลือดสุพรรณ ต้องไปด้วยกัน ที่ผ่านมาเราไม่เคยทะเลาะกับใคร หลักการของเราคือตรงนี้ รวมทั้งพื้นที่ในภาคกลางของเราก็ยังแน่นเหมือนเดิม”
ขณะที่พรรคเก่าแก่อันดับ 1 ของไทยและเพิ่งครบรอบ 71 ปี เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา อย่างพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่รู้ดีว่าแกนนำรุ่นเก่า โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ยังสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคและเป็แคนดิเดท ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนรายชื่อที่น่าจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 2 เบื้องต้นมีชื่อ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย และดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO)

สอดคล้องกับที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี สมมุติถ้าประชาธิปัตย์ได้ 251 เสียงขึ้นไป นายกรัฐมนตรีคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือแม้ว่าจะได้เสียงน้อยกว่านั้น พรรคก็จะเสนอนายอภิสิทธิ์อยู่แล้ว ส่วนจะผ่านเสียงในสภาหรือไม่ต้องไปดูเสียงในสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

ขณะที่ เพื่อไทย พรรคใหญ่เสียงมาอันดับ 1 ในการเลือกตั้งปี 2554 ปัจจุบัน มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค

ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะชูใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไปเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง แต่แน่นอนว่าคนที่จะมานำพาพรรค ต้องเป็นคนได้รับความไว้วางใจเจ้าของพรรคตัวจริง นายทักษิณ ชินวัตร

ส่วน พรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีระกูล หัวหน้าพรรค ดูเหมือนไม่กังวลใจนักกับการเลือกตั้งสมัยหน้า ยังคงยึดหลัก หัวหน้าคนเดิม ยึดนโยบายหาเสียงที่ไม่สลับซับซ้อน แต่ถูกใจประชาชน ถ้ารู้ว่าประชาชนต้องการสิ่งไหน ก็พยายามทำ และให้ความเป็นธรรมของทุกฝ่าย

“ ถึงเวลาเลือกตั้งเราก็อยากเป็นรัฐบาล ที่เข้ามาในสภาในสภาวะที่ประเทศไทยมันเรียบร้อย สงบ เศรษฐกิจดี ชาวบ้านมีสตางค์ใช้ มีเงินออม ลึก ๆ ผมเชื่อว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้วในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อันไหนดีก็ต้องชม เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องการสร้างความปรองดองในชาติ เห็นด้วยและชื่นชม ถ้ามีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนผลักดัน ผมทำเต็มที่” เป็นวลีเด็ดที่นายอนุทิน เปิดอกกับ “ฐานเศรษฐกิจ”เรื่องทิศทางพรรคภูมิใจไทยหลังเลือกตั้ง

  ‘สิ่งที่คุณพ่อทำมา ต้องได้รับการสานต่อ’
“ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เผชิญหน้า Face Time" ออกอากาศทาง "สปริงนิวส์ทีวี ช่อง 19” ถึงทิศทางการบริหารงานของพรรคชาติไทยพัฒนาในอนาคตว่า จากนี้ไปสิ่งที่จะทำก็คือ พยายามทำให้พรรคเป็นองค์กรที่เป็นสถาบันการเมือง

สมัยก่อนที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ยังมีชีวิตอยู่หลายคนมองว่า พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคที่นายบรรหารว่าอย่างไร ทุกคนก็ว่าตาม สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะได้มอบหมายให้นายบรรหารตัดสินใจ แม้เวลาที่นายบรรหาร ตัดสินใจพลาดแต่ด้วยประสบการณ์ที่มีมากมายก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้

“วันนี้นายบรรหารไม่อยู่ การตัดสินใจภายในพรรค และการเดินไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราจะนำมาเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อหารือกัน วันนี้พรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่ให้ใครมาทุบโต๊ะอีกต่อไป ถึงทุบได้แต่คงไม่มีใครฟัง ต้องเอาหลักการมาพูดกัน”

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า เมื่อถึงวันที่ คสช. และรัฐบาล อนุญาตให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ เราจะประชุมกัน มั่นใจว่าคงมีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนมองว่าหัวหน้าพรรคอาจจะเป็นคนนั้นคนนี้ ซึ่งก็จะมาถกกันว่าควรเป็นใคร ควรเป็นคนรุ่นใหม่หรือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ที่ผ่านมาพรรคชาติไทยพัฒนาเติบโตมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคทั้งนั้น บ้านหลังนี้ยังเปรียบเสมือนบ้านของทุกคน

“สิ่งที่ทุกคนอยากเห็นก็คือ พรรคชาติไทยพัฒนาจะเติบโตเป็นสถาบันทางการเมืองในวันข้างหน้า ดังนั้นการที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ในสถานะที่ผมเป็นลูกพรรคเต็มขั้น หรือถ้าผู้หลักผู้ใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ผมจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือผมอยู่ในสถานะใดก็แล้วแต่ สิ่งที่แน่ๆคือ พรรคชาติไทยพัฒนาต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใครทุกคนต้องมาพูดด้วยเหตุด้วยผล มีการยอมรับซึ่งกันและกัน ผมไม่เคยมีความคิดที่จะดิ้นรนเป็นหัวหน้าพรรค ตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมไม่ใช่ตำแหน่งส.ส. ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่เป็นลูกนายบรรหาร

วันนี้ความเห็นของทุกคนในบ้าน ทั้งคุณแม่ (แจ่มใส) พี่นา(กัญจนา) และภรรยา (สุวรรณา) ของผมเข้าใจตรงกันว่า สิ่งที่คุณพ่อทำมาโดยตลอดจนท่านเสียชีวิต ต้องได้รับการสานต่อ ส่วนผมมาถึงวันนี้ไม่ได้คิดว่าต้องทำ แต่รู้สึกถึงความท้าทายและความต้องการอยากมาทำงานให้คนสุพรรณบุรี เหมือนที่คนชื่อบรรหารทำไว้ ส่วนจะทำได้ดีเท่าที่ท่านทำไว้หรือไม่ผมยังตอบไม่ได้ แต่พูดได้เพียงว่าทั้งชีวิตและจิตใจที่มีอยู่จะทุ่มเทให้จังหวัดสุพรรณบุรี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็จะทำให้เต็มที่”

เป็นความมุ่งมั่นของนายวราวุธ ที่สังคมต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,256 วันที่ 27 - 29 เมษายน พ.ศ. 2560