หลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 20 ของประเทศไทย เสียงปี่กลองการเมืองเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเป็นลำดับ รอลุ้นเพียงวันเลือกตั้งที่ชัดเจนว่าจะเป็นช่วงกลางปี 2561 ซึ่งจะตกราวเดือนกันยายน-ตุลาคม ปีหน้าตามห้วงเวลาที่หลายฝ่ายประมาณการณ์ตามหลักคณิตศาสตร์ ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดกรอบเวลาไว้เท่านั้น
“รัฐบาลไม่สามารถระบุได้ชัดแจ้งว่า วันเลือกตั้งจะเป็นวันใด เพราะยังไม่สามารถกำหนดวันเริ่มต้นของแต่ละเหตุการณ์ได้ และใครก็ไม่อาจระบุวันเวลาที่ชัดเจนได้ นอกจากคาดเดาว่าจะเป็นเมื่อนั้นเมื่อนี้ ”
เป็นเสียงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่กล้าฟันธงวันเลือกตั้งได้ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะสร้างความหวั่นวิตกให้กับนักการเมือง เพราะทันทีที่รัฐธรรมนูญมีผลประกาศใช้ ทุกพรรคการเมืองก็เริ่มขยับทีละนิด เพียงแต่ยังไม่เปิดตัวกิจกรรมอย่างเป็นทางการ ทำนองซุ้มช่วยเหลือประชาชนอยู่เงียบๆ ก็มี
โฟกัสไปที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) หัวหน้าพรรค อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศชัดว่าพรรคไม่มีปัญหาเรื่องความพร้อมในการเลือกตั้ง และไม่กังวลเรื่องกติกาการเลือกตั้ง สิ่งที่พรรคอยากทุ่มเทคือ การเตรียมความพร้อมในการแก้ปัญหาให้ประเทศ ซึ่งทางพรรคจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารใหม่ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับใหม่ต่อไป
หัวหน้าพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ยังได้ระบุถึงงานการช่วยเหลือเพื่อประชาชนในช่วงที่พรรคปิดเทอมยาวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในระหว่างที่รอวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ พรรคก็เตรียมเท่าที่ทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เพราะคนเป็นนักการเมืองมีหน้าที่ติตตามปัญหาประชาชน พบปะประชาชนไม่ได้สร้างปัญหาความวุ่นวาย ช่วงภาคใต้น้ำท่วมก็ต้องไปเยี่ยมเยียน มาช่วยประสานงานกับส่วนราชการก็ต้องทำไป และคิดตลอดเวลาว่าแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างไร แล้วมอบหมายให้คนทำไป
“คุณกร จาติกวณิช ซึ่งโดยตำแหน่งเป็นประธานนโยบายก็ทำนโยบาย ร่วมกับนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ทำเรื่องเด็กต้องเก่งภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนชายขอบในจังหวัดพิษณุโลก สอนเป็นโปรแกรมอิงลิสฟอร์ออ ( Enlish for All) หรือ ภาษาอังกฤษสำหรับทุกคน ซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควร”
ขณะที่พรรคเพื่อไทย(พท.) ยืนยันความพร้อม 100 % ที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง โดย นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประกาศว่าไม่กังวลต่อประเด็นที่อาจจะมีพรรคทหารเข้าสู่การเลือกตั้ง เพราะยิ่งมีตัวเลือกมากยิ่งผลดีแก่ประชาชน กลัวเพียงแต่ว่าจะไม่รักษากติกา มีการใช้อำนาจระหว่างการเลือกตั้ง และการยอมรับผลของการเลือกตั้งเท่านั้น
นายสามารถ แก้วมีชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศพร้อมลงสนามอีกคน พร้อมเปิดประเด็นที่สังคมเฝ้าติดตามคือ ผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่ว่า พรรคกำลังมีความพยายามปฏิรูปให้เป็นพรรคที่เป็นสถาบันการเมืองไม่ติดยึดที่ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แต่ไม่ได้ปฎิเสธว่าพรรคมีจุดเริ่มต้นมาอย่างไร การเดินไปข้างหน้าเราจะบริหารจัดการ จะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเดินตามกฎกติกาที่กฎหมายกำหนด
“ตัวผู้นำวันนี้ก็มีตัวเลือกไม่มาก บุคลิกต้องเป็นคนที่คลุกคลีกับคนและช่วยเหลือพรรคมาตลอด เป็นลูกหม้อที่ทำงานมา เป็นที่ยอมรับของประชาชน ไม่ถูกฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ตั้งข้อรังเกียจมาก”
มองไปที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ยืนยันมาตลอดว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีนโยบายหาเสียงอะไรที่สลับซับซ้อน ไม่ต้องมีเป็นสิบ ๆ ร้อย ๆ นโยบาย เช่น เลือกตั้งครั้งที่แล้ว หยิบเอาเรื่องที่คนเซ็งมากที่สุด ก็คือเรื่องการอำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการ การขออนุมัติใบอนุญาตต่าง ๆ เราก็พยายามเสนอว่า ต้องเสนอกฎหมายให้การติดต่อราชการต้องรวดเร็ว ไม่ติดขัด หลีกเลี่ยงการใช้ดุลยพินิจของข้าราชการ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
“ภูมิใจไทย มีนโยบายหลัก 4 ข้อ ที่จะเสนอประชาชน ไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย เพียงแต่จะเปลี่ยนในรายละเอียดให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และต้องส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งเขตเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญใหม่ ”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,251 วันที่ 9 - 12 เมษายน พ.ศ. 2560