จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

03 ธ.ค. 2563 | 12:03 น.

เจาะเบื้องลึก “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ต้นตอการแพร่ระบาดเชื้อโควิด หลังหญิงไทยหลายรายทำงานโรงแรมแห่งนี้และลักลอบกลับเข้ามาแพร่เชื้อในประเทศ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "1G1-7HOTEL" กลายเป็นธุรกิจโรงแรมที่โด่งดังในโลกออนไลน์ทั่วโลก สำหรับ "1G1-7HOTEL" จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทันทีที่พอการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เข้ามาตามแนวชายแดนจังหวัดเชียงราย  เมื่อพบว่าหญิงชาวไทย ที่ไปทำงานในโรงแรมดังกล่าว ลักลอบกลับเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ติดเชื้อโควิดรายแรก ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 10 ราย นับตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.2563 จนถึงวันที่ 2 ธ.ค.2563 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย, พะเยา, กรุงเทพ, พิจิตร และราชบุรี ซึ่งล้วนแต่เป็นหญิงสาวที่ทำงานในสถานที่เดียวกันทั้งหมด จึงเกิดคำถามว่า ทำไม "1G1-7HOTEL"จึงมีอิทธิพลกับสาวไทยกลุ่มนี้

 จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

 

"1G1-7HOTEL" เป็นที่รู้จักสำหรับนักท่องราตรีเป็นอย่างดี เกิดจากการลงขันของกลุ่มนักลงทุน มากกว่า 7 คน เชื้อชาติต่างๆ ทั้ง ไทย เมียนมา ไทยใหญ่ ว้า กะเหรี่ยง ชาวจีน โดยในวงการธุรกิจสายสีเทา รู้กันดีว่า หุ้นใหญ่ชาวจีน ชื่อย่อว่า ต เปิดบริการราวๆ เมื่อ 3-4 ปีก่อน ตั้งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวร ตรงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ประมาณ 2-3 กิโลเมตร ลักษณะกิจการเป็นโรงแรมสูง 4 ชั้น มีขนาดห้องพัก 100 ห้อง เป็นสถานบันเทิงครบวงจรแห่งใหญ่ในเขตรัฐฉานของประเทศเมียนมา การตกแต่งสถานที่มีความหรูหรา เน้นรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีระดับบน และต้องการเสพความบันเทิงในทุกรูปแบบ ไปจนถึงยาสวรรค์บางชนิด

 

 จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

 

หากเข้าไปสำรวจภายในโรงแรมแห่งนี้ ชั้นล่างเป็นการให้บริการผับ, บาร์ และดิสโก้เทค รองรับคนได้นับพันคน รวมถึงมีบ่อนกาสิโน ส่วนชั้น 2 เป็นห้องคาราโอเกะแบบวีไอพี จำนวนกว่า 20 ห้อง แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับต่ำสุดโต๊ะละ 500 บาทต่อชั่วโมง ระดับกลางโต๊ะละ 1,000 บาทต่อชั่วโมง และระดับสูงสุดโต๊ะละ 2,000 บาทต่อชั่วโมง มีบริการเครื่องดื่ม และมีบริการหญิงสาวเข้าไปนั่งดื่มพูดคุยด้วย แต่หากเป็นระดับวีไอพี และต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็จะมีบริการชั้นบนที่สูงขึ้นไปอีก โดยมีคนคอยคุ้มกันการเข้าออกสู่ชั้นบนอย่างแน่นหนาทำนองว่ารักษาความปลอดภัยให้ด้วย

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ท่าขี้เหล็ก” ฮอตสปอตโควิดระลอกใหม่ พบติดเชื้อเพิ่มอีก 15 รายในวันเดียว

"โควิดเชียงใหม่"ยังวุ่น!เตือนผู้ไปสถานที่เสี่ยงให้สังเกตอาการ14วัน

"เชียงราย" พบผู้หลบหนีเข้าเมืองติดโควิดรายที่ 7 มีประวัติเที่ยว "ฟาร์มเฟสติวัล"

กระทรวงสาธารณสุข ประกาศตามหา คนไปสิงห์ปาร์ค ที่จังหวัดเชียงราย

ม.รังสิต'กักนศ.'ขึ้นรถตู้คันเดียวกับหญิงติดโควิด

"หมอธีระ"เสนอ 4 แนวคิดสกัดโควิดระบาดรอบ 2

 

 จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

 

ทั้งนี้ ยังพบว่าหญิงสาวจากประเทศไทยที่เข้าไปทำงานที่นี่ ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ไปใช้บริการมากที่สุด โดยมีการคิดราคาหญิงสาวชาวไทย นั่งดริงค์ชั่วโมงแรก 800 บาท และชั่วโมงถัดไป 500 บาท แต่หากเป็นหญิงสาวจากแหล่งอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ในพื้นที่จะเป็นชาวไทใหญ่ จะมีราคาตายตัวชั่วโมงละ 300 บาท ตลอดการใช้บริการ บนโต๊ะนอกจากมีเครื่องดื่ม อาหาร กับแกล้ม แล้วยังมียาสวรรค์ให้บริการดริ้งค์ละ 3,000-5,000 บาทด้วย 

 

ว่ากันว่าหญิงสาวที่ทำงานภายในผับ บาร์หรือคาราโอเกะในโรงแรมแต่ละคน มักจะได้เงินทิปรายละหลายพันบาท หรือนับหมื่นบาทต่อคืน เช่นกันในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยังมีหญิงสาว และหนุ่มๆไปรับจ้างไลฟ์สดเล่นพนันออนไลน์ ได้รับค่าจ้างอย่างต่ำวันละ 2,000-3,000 บาท

 จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

 

แหล่งข่าวจากชายแดนเมียนมา บอกอีกว่า เป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจค้ากามข้ามชาติในจังหวัดท่าขี้เหล็กนั้นเฟื่องฟูมาก ตามบ่อน ตามผับ มีสาวไทยไปแสวงหารายได้จำนวนมาก รวมหลักร้อยคนหมุนเวียนกันไปมา อายุเฉลี่ย 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากรายได้ดีมาก 5,000 ต่อครั้ง หรือในวงการจะเรียกว่าต่อน้ำ อีกทั้งได้ทิปหนักแตกต่างจากฝั่งไทย ที่มีรายได้แค่1,000-2,000ต่อครั้ง 

 

โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดฝั่งเมียนมา ที่มีเงินจำนวนมาก และโดยธรรมชาติ ของผู้ชายในฝั่งเมียนมาเป็นเรื่องเล่าลือกันปากต่อปาก ว่าต้องสาวไทยเท่านั้น ดังนั้นราคาจึงไม่ใช่ปัญหา จึงถือเป็นเป้าหมายที่หลังจากสาวไทยทำมาหากินในประเทศไทยลำบาก ก็พยายามที่จะเดินทางกันไปทำงานกันที่ "1G1-7HOTEL" และผับ , กาสิโนต่างๆ ในฝั่งเมียนมา เหมือนปากต่อปาก

 

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการไม่เพียงแต่จะมาจากประเทศไทย โดยมีทั้งเซเลป ดารา และนักร้องคนดังต่างๆ แล้ว ยังมีชาวจีน ชาวเมียนมาที่มีฐานะดีในรัฐฉาน เช่น ว้า มูเซอ ด้วยความนิยมการ "เอนเตอร์เทน" แบบไทยๆ ทำให้มีนักร้องชื่อดัง ดารา และตลกชื่อดัง จากประเทศไทยข้ามไป แสดงคอนเสิร์ตที่ผับใหญ่ของโรงแรมจนเป็นเรื่องปกติ โดยดูได้จากลงภาพในสื่อออนไลน์ต่างๆ และการเช็คอินของผู้ใช้บริการ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งนักธุรกิจ คนไปใช้บริการ รวมไปถึงคนไปให้บริการ ซึ่งก็รวมถึงพนักงานหญิงสาวจากประเทศไทยอันเป็นที่มาของการลักลอบข้ามฝั่ง เพื่อไปทำงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันยิ่งกว่า "สาย N"

 จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การเดินทางไปทำงานบริการในจังหวัดท่าขี้เหล็กนั้น จะมีเอเย่นต์ที่อ้างว่าเป็นโมเดลลิ่งในพื้นที่ และกรุงเทพฯ อยู่ 2-3 ราย โพสต์ในเฟซบุ๊ก ประกาศรับงานกลางคืน เชิญชวนสาวสวยต้องการหารายได้งาม ในประเทศ และต่างประเทศ ผ่านทางโลกออนไลน์อย่างโจ่งครึ้ม รายได้วันละ 3,500-5,000 บาท บางรายมีที่พักให้ทั้งห้องส่วนตัว และห้องรวม ทำงาน 2 สัปดาห์ มีรายได้แตะหลักแสนบาท 

 

โดยสาวไทยที่เดินทางไปทำงานจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนครั้งละ 15 วัน และส่วนใหญ่จะไม่ผ่านด่านพรมแดน เพราะจะมีหลักฐานในการเข้าออกเมือง และอาจถูกตรวจปัสสาวะได้ หากมีการเสพยาสวรรค์ แต่จะเลือกใช้วิิธีเข้าออกตามเส้นทางธรรมชาติ ผ่านรถมอเตอร์ไซค์ หรือสามล้อรับจ้างขาประจำ สนนต้องจ่ายในราคาหัวละหลักพันบาทขึ้นไป

 

 จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

 

กระทั่งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และมีคำสั่งของจังหวัดเชียงราย เรื่อง ระงับการเดินทางเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ สิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า และช่องทางอื่น ตลอดแนวชายแดนจังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ลงนามโดยนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทย-ลาว ไทย-เมียน มา จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบให้แรงงานสัญชาติไทยเข้าไปอยู่ในกลุ่มสีเทาในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็กได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบันเทิง ธุรกิจบ่อนกาสิโน ธุรกิจค้ากาม และธุรกิจยาสวรรค์

 

 จับตาโรงแรม “1G1 HOTEL” ท่าขี้เหล็ก ...ต้นตอแพร่โควิด

ดังนั้น ตลอดกว่าระยะ 8 เดือนที่ผ่านมา จึงทำให้บรรดาสาวไทยที่เคยทำงานในสถานบันเทิง และไลฟ์สดบ่อนออนไลน์ ในฝั่งเมียนมา ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางไปแสดงหารายได้ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง จึงเป็นที่มาของการลักลอบข้ามแดนเข้าไปทำงานท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิิด-19 ในประเทศเมียนมา และแม้ว่าจะมีการป้องกันของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองตามแนวชายแดนตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน 

แต่ก็ยังมีกลุ่มขบวนการลักลอบเล็ดลอดพาเข้าออกได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเส้นทางช่องทางธรรมชาติฝั่งอำเภอแม่สาย และท่าเรือแห่งหนึ่งจากฝั่งเมียนมาผ่านทางน้ำโขงเข้ามาในจุดอับสายตาในฝั่งไทย จนเป็นอีกต้นตอหนึ่งที่นำพาเชื้อโควิดกลับเข้ามาสู่ประเทศไทย

 

ที่มาเรื่องและภาพ:เปิดเส้นทางโควิดสายพันธุ์ชายแดน