กทพ.ทุ่มงบพันล.ติดตั้งโซลาร์-ไฟแอลอีดี บนทางด่วน

20 ต.ค. 2563 | 09:18 น.

กทพ.จับมือกฟภ.ศึกษาติดตั้งโซลาร์-ไฟแอลอีดี พันล้าน บนทางด่วน 200 กม. หวังลดต้นทุนต่าใช้จ่าย 117 ลบ. ด้านกฟภ.ลั่นขอเวลาศึกษา 3 เดือน

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่สำนักงานใหญ่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ประธานกรรมการ(บอร์ด) กทพ. เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการจัดการพลังงานในองค์กรด้วยระบบดิจิทัล (Digital Platform) ระหว่าง กทพ. กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ว่า โครงการครั้งนี้ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันศึกษาการพัฒนาด้านธุรกิจพลังงาน และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด อย่างไรก็ตามปัจจุบัน กทพ. มีต้นทุนค่าไฟฟ้าส่องสว่างทางพิเศษ อาคารด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ และศูนย์ควบคุมทางพิเศษประมาณ 168 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการดำเนินโครงการครั้งนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเหลือ 117 ล้านบาทต่อปี

กทพ.ทุ่มงบพันล.ติดตั้งโซลาร์-ไฟแอลอีดี บนทางด่วน

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อศึกษารายละเอียดการดำเนินโครงการ ทั้งการติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และการเปลี่ยนหลอดไฟส่องสว่างทางพิเศษจากหลอดไฟธรรมดา เป็นหลอดไฟแอลอีดี เบื้องต้นจะดำเนินการบนทางพิเศษของ กทพ. ทั้งหมด ซึ่งมีระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร(กม.) คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนรูปแบบการลงทุนจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องหารือร่วมกับ กฟภ. ก่อน ทั้งนี้น่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 2 ปีนี้ ซึ่งตั้งเป้าว่าในระยะแรกจะสามารถช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าได้ 30% และในระยะยาวจะลดลงได้ประมาณ 50%

 

"หากดำเนินการแล้วเสร็จจะถือว่าเป็นโครงการที่คุ้มค่ามาก ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะคืนทุนประมาณ 6-7 ปี อย่างไรก็ตามเรื่องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายขององค์กรเป็นนโยบายหลักของตนที่จะเข้ามาเร่งผลักดันให้เป็นรูปธรรม โดยคาดว่าปีนี้ กทพ. จะมีรายได้ลดลงไม่มาก แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะได้ใช้มาตรการเร่งลดต้นทุนในด้านต่างๆ ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีรายได้ 1.8 หมื่นล้าน มีกำไรประมาณ 5,000 ล้านบาท"

นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า จะใช้เวลาการศึกษาประมาณ 3 เดือน โดยจะทำให้ได้ข้อสรุปว่าจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่ใดก่อน และดำเนินการในรูปแบบใด ซึ่งในส่วนของ Solar Rooftop มีต้นทุนการติดตั้งเมกกะวัตต์ละ 30 ล้านบาท โดยหากจะติดตั้งต้องดำเนินการบนอาคารที่ทำการ หรือด่านเก็บเงิน ส่วนการติดตั้งเปลี่ยนหลอดไฟแอลอีดีนั้น ต้องลงไปศึกษาคุณสมบัติในการส่องสว่างของแสงว่าเพียงพอต่อความปลอดภัยในการขับขี่บนทางพิเศษหรือไม่ เพราะถ้าเสาสูงเกินอาจจะไม่สว่างครอบคลุมพื้นทางทั้งหมด อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนหลอดไฟเป็นแอลอีดี จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ 50% โดยขณะนี้ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟส่องสว่างเป็นแอลอีดีบนถนนของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) และในเร็วๆ นี้มีแผนจะร่วมมือดำเนินโครงการดังกล่าวกับกรมทางหลวง(ทล.)