ม.มหิดล ผนึกกำลังดันไทยขึ้นฮับ Wellness & Healthcare

20 ต.ค. 2563 | 06:27 น.

ม.มหิดล จับมือพันธมิตร เปิดหลักสูตร WHB  ดันไทยฮับ  Wellness&Healthcare

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ภูดิท เตชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า สถาบันจับมือกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และองค์กรชั้นนำระดับนานาชาติยกระดับศักยภาพธุรกิจด้าน Wellness และ Healthcare ของประเทศไทยสู่ระดับโลก ด้วยการเปิดหลักสูตร “Wellness & Healthcare Business Opportunity for Executives (WHB)” เป็นครั้งแรกของประเทศไทย  โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมทางการแพทย์และธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับ Wellness และ Healthcare ของประเทศไทยสู่ระดับโลก

 

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ การมีผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความรู้ความเข้าใจและสามารถทำงานร่วมกันแบบเครือข่ายในการนำองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปประยุกต์ใช้ในการบริหารอุตสาหกรรมทางการแพทย์และบริการสุขภาพด้าน Wellness แบบครบวงจร ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลมีนโยบายในการส่งเสริมให้ส่วนงานของมหาวิทยาลัยทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลและความต้องการของสังคม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ภูดิท เตชาติวัฒน์

“เทรนด์ Healthcare ของทั่วโลกในปัจจุบัน คือ จำนวนประชากรโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ประชากรโลกก็เริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุ คือ  พอมีอายุมากขึ้น ก็มาพร้อมกับปัญหาสุขภาพที่มากขึ้นตามมาเกี่ยวกับการใช้ชีวิต ขณะเดียวกัน คนมีความรู้มากขึ้น มีความฉลาด ก็เริ่มมองหาหรือสรรหาสิ่งดีๆเพื่อมาดูแลตัวเอง

 

ขณะที่ตลาด Medical&Wellness Tourism ของประเทศไทย พบว่า เป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2560 ระบุว่า ไทยมีรายได้จากการMedical tourism มากถึง 41,000 ล้านบาท และ จาก Wellness Tourism 409,200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเชื่อว่าด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะยิ่งทำให้คนหันมาสนใจด้านสุขภาพมากขึ้น

ม.มหิดล ผนึกกำลังดันไทยขึ้นฮับ Wellness & Healthcare

“หลักสูตรนี้มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้บริหารธุรกิจด้าน Wellness และ Healthcare ให้พร้อมในการเป็นศูนย์กลางการบริการทางแพทย์ของโลก และโอกาสใหม่สำหรับธุรกิจ Wellness, Wellness Tourism & Retirement Hub, Digital Health & Telemedicine รวมถึงอุตสาหกรรมการแพทย์ในยุคหลังโควิด”

 

ด้านทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาวงการแพทย์ของไทยให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาด้านสุขภาพ โดย ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. เป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพ (Wellness Hub) ที่เป็นการบริการอย่างครบวงจร 2. เป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพ (Medical Service Hub) ที่ต่อยอดกับระบบสปา ระบบการทำงานเพื่อสร้างสุขภาพรวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทยและเป็นจุดหนึ่งที่หลายประเทศเข้ามาใช้บริการ

 

3.เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) ที่เกี่ยวกับสุขภาพ และ 4.เป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์คุณภาพ (Product Hub) นอกจากนี้จำเป็นต้องพัฒนาสร้างความพร้อมให้ประเทศไทยมีบทบาทหน้าที่สร้างสรรค์ในเวทีระหว่างประเทศ ในประชาคมอาเซียน ยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพและบริการด้านสาธารณสุขทั้งบุคลากรและมาตรฐานการให้บริการ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการให้บริการอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งหลักสูตร WHB นับเป็นงานที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขอย่างยิ่ง

ม.มหิดล ผนึกกำลังดันไทยขึ้นฮับ Wellness & Healthcare

สำหรับผู้สนใจหลักสูตรนี้เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 พ.ย. นี้  ฤศจิกายน 2563 เรียนทุกวันศุกร์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 จนถึงวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 เวลา 13.30 - 17.30 น. และเวลา 17.30 - 18.30 น. เป็นการเสวนาวิชาการกลุ่มย่อย ภายหลังเวลาเรียนเปิดให้มีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้เข้าอบรม สถานที่จัดอบรมคือ JW Marriott Hotel Bangkok

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มหิดล พัฒนาแอปเสริมพลังบวกให้ผู้ป่วยซึมเศร้า

“มหิดล” คว้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของไทย  

มหิดล เปิดหลักสูตร ปั้น “วิศวกร-นวัตกร New Normal” ป้อนตลาด