“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ต้นแบบ  ที่ “ร.ร.ดัง” ต้องเอาอย่าง

18 ต.ค. 2563 | 22:01 น.

โรงเรียนในฝันพ่อ-แม่   “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิวราราม” ต้นแบบสมศ. อบอุ่น-เสริมไอเดีย-พัฒนาอัจฉริยภาพ

ปัญหาการใช้ความรุนแรง การกระทำที่ไม่เหมาะสมของครู และครูพี่เลี้ยงต่อเด็กเล็กและนักเรียนของโรงเรียนชื่อดังที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่พบเจอทั้งในโรงเรียนของรัฐและเอกชน  แต่ใช่ว่า “โรงเรียนในฝัน” ที่พ่อ-แม่ ผู้ปกครองต้องการจะไม่มีอยู่จริง ล่าสุดสำนักงานรับรองมาตรฐานแลประเมินคุณภาพการศึกษา หรือ สมศ. เปิดตัว “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิวราราม จ.อุดรธานี” ที่จะใช้เป็นต้นแบบให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตลอดจนโรงเรียนอื่นๆ ได้ดำเนินการตาม เพื่อวางรากฐานด้านพัฒนาการและเสริมศักยภาพเด็กต่อไป

 

“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิวราราม” เป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตัวอย่างในจังหวัดอุดรธานี  ที่ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะพัฒนาการเด็กปฐมวัย สะสมความรู้จนเกิดเป็นทักษะ เพื่อการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น และยังนำโมเดล Brain-based Learning (BBL)  รูปแบบการพัฒนาให้เด็กก้าวสู่ความเป็นอัจฉริยะมาใช้ ตามข้อเสนอแนะของ สมศ.  ที่มาช่วยสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาการในตัวเด็ก โดยโมเดลนี้เป็นรูปแบบการพัฒนาที่ทำให้เด็กหลายคนก้าวสู่ความเป็นอัจฉริยะอีกด้วย

“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ต้นแบบ  ที่ “ร.ร.ดัง” ต้องเอาอย่าง

“สายหยุด น้อยชื่น” หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิวราราม จ.อุดรธานี เล่าว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิวรารามเปิดรับเด็กตั้งแต่ช่วงอายุ 2 ขวบครึ่ง ถึง 3 ขวบ 11 เดือน โดยแบ่งห้องเรียนออกเป็น 3 ห้องตามเกณฑ์อายุ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่เหมาะสมกับช่วงวัย  มีการเรียนการสอนเพื่อสร้างทักษะความคิดสร้างสรรค์ให้แก่เด็ก  พร้อมกับจัดการเรียนการสอนแบบ BBL  ซึ่งเป็นการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับการทำงานของสมองในเด็กแต่ละคน แต่ละช่วงวัย โดยการกระตุ้นสิ่งที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ เนื่องจากทางศูนย์เห็นว่าเด็กในช่วงวัยนี้แต่ละคนมีความสนใจที่แตกต่างกัน

“เด็กเล็กที่เข้ามาเรียนจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย แต่ละกิจกรรมจะเน้นการสร้างประสบการณ์ผ่านสิ่งใกล้ตัวเด็ก โดยการให้เด็กออกมาเล่าสั้น ๆ ว่าเมื่อเช้าก่อนมาโรงเรียนพวกเขาทำอะไรบ้าง เจออะไรที่กระตุ้นให้พวกเขารู้สึกสนใจ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้เด็กกล้าแสดงออก และยังเป็นการร่วมแชร์ประสบการณ์ให้กับเพื่อน ๆ ในห้องเรียน”

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากสิ่งของ โดยทางศูนย์จะใช้ของจริงทั้งหมด เช่นการสอนให้เด็กรู้จักผลไม้ผ่านผลไม้จริง ๆ ก่อนที่จะให้เด็กเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอ  รวมไปถึงการสร้างทักษะความคิดสร้างสรรค์ให้แก่ผู้เรียน ผ่านการให้เด็กได้ลองเลือกทำกิจกรรมที่พวกเขาสนใจ อาทิ กิจกรรมเคลื่อนไหวตามจังหวะ เกมเกี่ยวกับการศึกษา  และกิจกรรมเสรี

“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ต้นแบบ  ที่ “ร.ร.ดัง” ต้องเอาอย่าง

โดยจัดห้องสำหรับทำกิจกรรมเสรี ซึ่งภายในห้องจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย และให้เวลา 1 ชั่วโมงสำหรับการเล่นหรือทำกิจกรรมที่เด็กเป็นคนเลือก ตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น 1.มุมดนตรี กับเครื่องดนตรีสำหรับเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำมากยิ่งขึ้น  2.มุมหนังสือนิทาน โดยมีครูพี่เลี้ยงเป็นผู้เล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้แก่เด็ก พร้อมคติสอนใจสอดแทรก ซึ่งกิจกรรมเสรีเหล่านี้จะเป็นการทดสอบความสนใจเบื้องต้นในตัวเด็กอีกด้วย 

 

หลังจากที่ศูนย์ได้เริ่มพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ ของเด็กผ่านการสอนแบบ BBL ไปแล้วพบว่า พัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เด็กเข้าใจและสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ต่อยอดสู่การทำแบบฝึกหัด วาดภาพ ระบายสี ได้จริง อีกทั้งยังส่งผลให้ผลการประเมินภายนอกของรอบที่ผ่านมาได้รับการประเมินด้านทักษะความคิดสร้างสรรค์ในระดับดีเยี่ยม

 

“นอกจากการฝึกสมรรถนะทางร่างกาย  การเสริมด้านความคิดสร้างสรรค์แล้ว พัฒนาการด้านจิตใจก็คือว่าเป็นเรื่องที่เด็กควรจะได้รับการดูแลอย่างชิด ดังนั้นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิวรารามจึงได้ให้ครูทุกคนคอยเอาใจใส่เด็กๆ และปฏิบัติกับเด็กเหมือนคนในครอบครัวเพื่อสร้างความอบอุ่น สร้างให้เด็กเกิดพฤติกรรมการอยากมาโรงเรียน แนวทางดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเด็กในช่วงที่เด็กต้องศึกษาในระดับที่สูงขึ้น”

“ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ต้นแบบ  ที่ “ร.ร.ดัง” ต้องเอาอย่าง

ผลงานที่ยืนยันถึงความเป็นโรงเรียนต้นแบบของ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดโพธิวราราม” นอกจากการประเมินในระดับดีมาก มาตรฐานการเรียนรู้ ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเล็กเพิ่มขึ้นมากกว่า 90% แล้ว การได้เยาวชนตัวน้อยที่เป็นคนดี สุขภาพร่างกาย จิตใจดี มีพัฒนาการและทักษะพื้นฐานที่ดี น่าจะเป็นคำตอบที่พ่อ-แม่ ต้องการมากที่สุด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"โพลสวนดุสิต" สลด ครูทำร้ายนร.รุนแรง ชี้เพราะขาดจิตสำนึกมากขึ้น

คุรุสภา เล็งตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพครู เครือ"สารสาสน์"ทั้ง 42 แห่ง

“โรงเรียนสารสาสน์ฯ”สั่งไล่ออกครูโหดทำร้ายนักเรียน