"อ็อกฟอร์ด"ผนึก สธ. ลงนามไทยผลิตวัคซีนโควิด-19 แห่งแรกในอาเซียน

18 ต.ค. 2563 | 08:29 น.

"อ็อกฟอร์ด"เลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งต่อวัคซีนโควิด 19 ไปยังตลาดอาเซียน

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2563  นางสาว ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทย โดยพยายามผลัดดันให้ประชาชนชาวไทย เป็นประเทศแรกๆของโลกที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19  


ทั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมเรื่องสาธารณสุขและการรับมือกับโควิด-19  โดยรัฐบาลเตรียมวงเงินจากการจัดสรรวงเงินตามเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่มีการจัดสรรไว้ให้ใช้ด้านสาธารณสุข รวมถึงการพัฒนาวัคซีนวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นยังมีการจัดสรรงบกลางฯในปี 2564 อีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการจัดหาและผลิตวัคซีนด้วยด้วย


 ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) การผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด โดยวัคซีนที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด  จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต


 "การผลิตวัคซีนนั้น มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว"

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

วัคซีนโควิดในไทยคืบ คาดกลางปีหน้าพร้อมใช้

สำหรับความร่วมมือนี้ ไทยและอ๊อกซฟอร์ด จะใช้โรงงานของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นแหล่งผลิตวัคซีน โดยการลงนามครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือด้วยการประสานงานของเอสซีจี ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมงานด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดมายาวนาน


นางสาว ไตรศุลี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในหนังสือแสดงเจตจำนงดังกล่าว มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดยังได้ให้สิทธิประเทศไทยในการจัดจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านการสาธาณสุข มีความสามารถที่จะใช้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมีความสำคัญต่อประชากรโลก และจะทำให้คนไทยได้รับวัคซีนเป็นประเทศแรกๆของโลก


 นอกจากนี้ ยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการวิจัย ซึ่งแสดงถึงความคืบหน้าไปอีกขั้นในการจัดหาวัคซีนวิจัยมาใช้ในประเทศ และจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

 

 


 

"รัฐบาลยังได้เตรียมจัดหาวัคซีนหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็น การจองล่วงหน้าจากต่างประเทศ และสนับสนุนการผลิตวัคซีนภายในประเทศ เพื่อให้ได้วัคซีนอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยเล็งเห็นว่าวัคซีน มีความสำคัญในการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งยังคงแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกขณะนี้" นางสาวไตรศุลี กล่าว