เปิดตำนาน"วันไหว้พระจันทร์"

28 ก.ย. 2563 | 21:00 น.

1 ตุลาคม 63 วันไหว้พระจันทร์ เปิดตำนานเรื่องเล่า-ประวัติความเป็นมา พร้อมข้อควรรู้ก่อนทำพิธีไหว้

วันไหว้พระจันทร์ หรือ เทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม 2563 หรือยึดตามวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8  (ตามปฏิทินจันทรคติของชาวจีน) ถือเป็นเทศกาลที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมานานนับพันปี มีความสำคัญรองลงมาจากเทศกาลตรุษจีน (เป็นการไหว้เจ้าครั้งที่ 6 จาก 8 ครั้งของคนจีนในแต่ละปี ) และจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง 


สำหรับวันไหว้พระจันทร์ ถือเป็นวันที่พระจันทร์ส่องสว่าง - เต็มดวง แลดูสวยงามที่สุด โดยชาวจีนเชื่อกันว่าดวงจันทร์เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความสามัคคี เป็นวันที่คนในครอบครัวจะได้แสดงความสามัคคี ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และได้ชมดวงจันทร์พร้อมหน้ากัน 


ประวัติของวันไหว้พระจันทร์
ประวัติความเป็นมาของวันไหว้พระจันทร์นั้น มีหลากหลายตำนานที่เล่าขาน โดย ปณิตา สระวาสี จากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้รวบรวมตำนานเกี่ยวกับกำเนิดการไหว้พระจันทร์ที่มีหลายตำนาน  แต่ที่แพร่หลายและรู้จักกันดีมีอยู่ 5 ตำนาน ได้แก่


1. ตำนานฉางเอ๋อร์เหินสู่ดวงจันทร์ เล่ากันว่าในยุคบรรพกาลมีดวงอาทิตย์ขึ้น 10 ดวง แผดเผาผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อโฮ่วอี้ ใช้ธนูยิงพระอาทิตย์ดับไป 9 ดวง โลกจึงเย็นลงและเหล่ามนุษย์ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข วีรกรรมของโฮ่วอี้ได้รับการแซ่ซ้องจากผู้คน พระแม่เจ้าซีหวางหมู่เทพมารดรได้ประทานยาวิเศษกินแล้วเป็นอมตะให้ 2 เม็ด แต่เขาไม่ประสงค์เช่นนั้นจึงไม่ได้กินและฝากยาไว้กับภรรยาชื่อฉางเอ๋อร์


แต่มีชายจิตใจชั่วร้ายหวังขโมยยาตอนที่โฮ่วอี้ไม่อยู่บ้าน ใช้อุบายหลอกฉางเอ๋อร์ให้มอบยาวิเศษ แต่นางไม่ยอมและเมื่อเหตุการณ์คับขันนางจึงกินยา 2 เม็ดนั้นเสียเอง ทำให้ตัวเบาลอยละล่องสู่ท้องฟ้า ร่างของนางลอยสถิตอยู่ในดวงจันทร์ในวันนั้นซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 8 พอดี  ประชาชนต่างซาบซึ้งในความดีของนางจึงจัดพิธีเซ่นไหว้ฉางเอ๋อร์ในวัน 15 ค่ำ กลางเดือน 8 ทุกปีจนกลายเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์

 

2. ตำนานอู่กังในดวงจันทร์ อู๋กังเป็นคนเกียจคร้านไม่มีวิชาความรู้ แต่ฝันอยากจะเป็นเซียน พระเจ้าจึงลงโทษให้เขาไปโค่นต้นกุ้ยฮวาในดวงจันทร์ หากทำสำเร็จจะได้เป็นเซียน แต่ต้นกุ้ยฮวาสูงถึง 500 จ้างหรือกว่า 5,000 ฟุต แต่จนแล้วจนรอดอู๋กังก็ยังทำไม่สำเร็จจนทุกวันนี้

 

 

3. ตำนานกระต่ายหยก ครั้งหนึ่งมีเทพสามองค์จำแลงเป็นคนชรามาขออาหารกับลิง หมาจิ้งจอก และกระต่าย แต่มีเพียงกระต่ายที่สงสารแต่ไม่มีอาหารจะให้ กระต่ายจึงกระโดดเข้ากองไฟสละเนื้อตัวเองเป็นอาหาร เทพทั้งสามชื่นชมในความดีของกระต่ายจึงพาไปอยู่กับฉางเอ๋อร์ มีหน้าที่ตำยาวิเศษ

 

4. ตำนานขนมไหว้พระจันทร์ ในสมัยพระเจ้าถังเกาจู่ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ถัง แม่ทัพหลี่จิ้งยกทัพไปปราบชนเผ่าซุงหนูได้ชัยชนะกลับมาในวัน 15 ค่ำ กลางเดือน 8 ประชาชนต่างยินดีและต้อนรับด้วยการจัดพิธีไหว้พระจันทร์ มีพ่อค้าชาวทิเบตที่เป็นมิตรกับราชวงศ์ถังร่วมแสดงความยินดีด้วยการทำขนมไหว้พระจันทร์ถวายพระเจาถังเกาจู่ พระองค์แบ่งขนมให้ขุนนางและแม่ทัพนายกองกิน จนกลายเป็นประเพณีไหว้พระจันทร์ ตามเจตจาของขนมไหว้พระจันทร์อยู่ที่การเฉลิมฉลองและแบ่งปันความสุข

 

5. ตำนานเกี่ยวกับการนัดก่อการโค่นล้มราชวงศ์หยวนโดยจูหยวนจาง ตำนานนี้อิงประวัติศาสตร์จีนในสมัยราชวงศ์หยวนที่สถาปนาโดยกุบไลข่านหรือชาวมองโกล ปลายราชวงศ์ประชาชนถูกกดขี่ข่มเหง เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จูหยวนจางเป็นหนึ่งขบวนการใต้ดินที่ต้องการโค่นล้มพวกมองโกล 


เขานัดหมายก่อการในวัน 15 ค่ำ กลางเดือน 8 โดยเอาประเพณีมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้กันบังหน้าตบตาพวกมองโกล  โดยสอดจดหมายนัดแนะวันก่อการไปในขนมที่จงใจออกแบบให้เป็นขนมเปี๊ยะก้อนใหญ่ไส้หนาเป็นพิเศษ ในที่สุดสามารถโค่นล้มราชวงศ์หยวนสำรวจ จูหยวนจางตั้งตนเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์หมิง ชาวจีนจึงยึดเอาวันเพ็ญเดือน 8 เป็นวันไหว้พระจันทร์สืบมา เพื่อรำลึกถึงการปลดแอกจากพวกมองโกล

 

เริ่มไหว้พระจันทร์เวลาไหน


การไหว้พระจันทร์ในไทยแต่เดิมมักไหว้ 3 เวลา คือ เช้าไหว้ “เหล่าเอี๊ย เจ้าทั้งหลาย” “ตี่จู้” เจ้าที่ประจำบ้าน ไหว้ด้วยผลไม้หรือส้มอย่างเดียว ช่วงสายถึงเที่ยงไหว้บรรพบุรุษคล้ายสารทจีน แต่ใช้ขนมไหว้พระจันทร์แทนขนมเข่ง นิยมใช้ส้มโอไหว้ด้วย ตกกลางคืนจึงไหว้พระจันทร์ด้วย “เปี้ยหรือปิ่ง” “กอหรือเกา” ผลไม้ ผ้าและเครื่องสำอาง บางบ้านอาจไหว้ด้วยหนังสือหรือเครื่องเขียนด้วย เพื่อขอพรให้เรียนเก่งเหมือนผู้ชายจีนในอดีต


กระดาษเงินกระดาษทองเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของเทศกาล มีการจัดทำสวยงามและหลากหลายรูปแบบ 


ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ที่แพร่หลายในเมืองไทยเป็นแบบจีนกวางตุ้งคือมีลักษณะหนาเปลือกนิ่ม ส่วนของแต้จิ๋วจะแผ่นใหญ่บาง เปลือกร่วนนิ่ม นอกจากนี้ยังนิยมไหว้ด้วยขนมอื่นๆ ด้วย เช่น ขนมโก๋ขาวหรือแปะกอ ขนมโก๋ถั่วเขียวหรือเหล็กเต่ากอ ขนมโก๋อ่อน ขนมโก๋เช้ง รวมถึงขนมเปี๊ยะอีกหลายแบบ เช่น ขนมเปี๊ยะงา ขนมเปี๊ยะไส้ต่างๆ  ขนมเหม่งทึ้งหรือขนมเหนียวเคลือบงา ขนมอ๊ะอ่ำหรือขนมคอเป็ด


จิตรา ก่อนันทเกียรติ ได้เขียนบทความบอกเล่าถึงการทำพิธีไหว้พระจันทร์ไว้ว่าจะเริ่มจัดแต่งโต๊ะวางข้าวของบริเวณกลางแจ้งที่พอจะมองเห็นดวงจันทร์ได้เต็มดวงและจะนำเอาต้นอ้อย 2 ต้นมาซุ้มประตู โดยเอายอดอ้อยทั้งสองโค้งเข้าหากัน แล้วมีการประดับประดาให้ดูสวยงามตามใจชอบ   เมื่อแลเห็นพระจันทร์เต็มดวงโผล่ขึ้นมาให้เห็นก็จะเริ่มพิธีเซ่นไหว้ มีการจุดธูปและตามโคมไฟด้วยคืนนี้จะเป็นคืนที่ลูกหลานชาวจีนจะออกมาชมพระจันทร์แห่งฤดูใบไม้ร่วงกันถ้วนหน้า