ผลตรวจผู้สัมผัสนักบอลไทยลีก ไร้เชื้อ 382 คน รอผลอีก 39 คน

15 ก.ย. 2563 | 06:49 น.

กรมควบคุมโรค เผยผลตรวจผู้สัมผัสนักบอลไทยลีก 508 ราย ให้ผลเป็นลบ 382 คน อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 39 คน ในจำนวนนี้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้รับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการทุกรายและมีผลเป็นลบทั้งหมด

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานผลการสอบสวนและควบคุมโรค กรณีนักฟุตบอลไทยลีกชาวอุซเบกิสถานอายุ 29 ปี ตรวจพบสารพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 ก.ย.63 ว่า จากการเก็บตัวอย่างผู้สัมผัส 508 ราย โดยเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 100 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 408 คน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 421 คน ให้ผลเป็นลบ 382 คน อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 39 คน ในจำนวนนี้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้รับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการทุกรายและมีผลเป็นลบทั้งหมด ประกอบด้วย

1.สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด มีผู้สัมผัสรวม 272 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 47 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 225 คน (ตรวจน้ำลาย) 199 คน ให้ผลเป็นลบ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 26 คน

2.สถานที่อื่นๆ ในจังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้สัมผัสรวม 128 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 27 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ จะครบการกักกันในวันที่ 24 ก.ย.63 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 101 คน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 22 คน ให้ผลเป็นลบ 9 คน อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 13 คน

3.สโมสรราชบุรีมิตรผล มีผู้สัมผัสรวม 44 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 คน ครบการกักกันในวันที่ 13 ก.ย.63 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 33 คน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 43 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ส่วนอีก 1 คนเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ไม่ได้ลงเตะนัดอุ่นเครื่อง ผลตรวจเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 63 เป็นลบ
         

 4.สโมสรขอนแก่นยูไนเต็ด มีผู้สัมผัสรวม 51 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 15 คน จะครบการกักกันในวันที่  19 ก.ย.63  และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 36 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ

5.ผู้โดยสารเครื่องบินเดียวกัน มีผู้สัมผัสรวม 13 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทุกราย ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 6 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ 

อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนและมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องจนครบกระบวนการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย ดังนั้นขอให้ทุกคนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง และขอให้ประชาชนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม "สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด"