วินาที “ทหารอียิปต์” ติดโควิด- 19 เดินห้างฯระยอง  

14 ก.ค. 2563 | 10:31 น.

เปิดภาพ CCTV ห้างแหลมทอง จ.ระยอง ช่วงกลุ่ม “ทหารอียิปต์” เข้าไปใช้บริการ ซึ่งหนึ่งในกลุ่มนี้มี 1 คนที่พบเชื้อโควิด-19

วันที่ 14 ก.ค.63 จากกรณี “ทหารอียิปต์” ติดเชื้อ โควิด-19 เข้าพักในโรงแรมและออกมาเดินห้างสรรพสินค้า จังหวัดระยอง จนเกิดเสียงวิจารณ์หน่วยงานภาครัฐหละหลวมปล่อยปละละเลยในการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อไวรัส 

 

ล่าสุดแฟนเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “Infectious ง่ายนิดเดียว” โพสต์รูปภาพ ทหารอียิปต์ ที่บันทึกไว้จากกล้องวงจรปิดภายในห้างแหลมทองระยอง หรือ แพชชั่น ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น พร้อมเขียนข้อความว่า ทหารอียิปต์ เดินห้างแหลมทอง 11.20-14.30 น. ใส่หน้ากากตลอด ผ่านจุดคัดกรองวัดไข้ เดินเล่นชั้น 2-3 โซนมือถือ เสื้อผ้าชาย ไม่ได้เข้าร้านอาหาร

 

วันเดียวกัน นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงเป็นครั้งพิเศษเพื่อไขข้อสงสัยจากเหตุการณ์ โดยขอใช้เวลานำเสนอเพื่อขยายความจากการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนจากการพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย เมื่อวาน (13 ก.ค. 63)

กรณีแรก จากประเทศอียิปต์ สาธารณสุขจังหวัดระยองได้รับแจ้งว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดระยองได้รับแจ้งทางไลน์จากด่านป้องกันโรคของสนามบินอู่ตะเภาว่าจะมีเที่ยวบินทางทหาร เที่ยวบินที่ EGY 1215 และ EGY 1216 มีกัปตันเรือ และลูกเรือ รวม 31 คน เดินทางมาจากปากีสถาน ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา วันที่ 8 ก.ค. 63 เวลา 19.00 น. และในเวลา 23.00 น. คณะดังกล่าวได้เข้าพักที่โรงแรม DVaree ซึ่งมีกำหนดพักวันที่ 8 – 11 ก.ค. 63 ในระหว่างนั้น วันที่ 9 ก.ค. 63 คณะนี้ได้ออกจากโรงแรม ไปยังสนามบินอู่ตะเภาเพื่อบินไปยังเมืองเฉินตู ประเทศจีน

วินาที “ทหารอียิปต์” ติดโควิด- 19 เดินห้างฯระยอง  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ระยอง” เงียบเหงาหลังพบ “ทหารอียิปต์ติดโควิด”

Timeline “ทหารอียิปต์ ระยอง” และลูกทูต "ศบค." เสียใจและขอรับผิดชอบ

แฉ “ทหารอียิปต์” มีคนหนีจากที่พัก “ผอ.อู่ตะเภา” ยันตรวจโควิดเข้มแล้ว

 

และกลับมาในวันที่ 10 ก.ค. 63 เวลา 02.00 น. โดยเข้าพักที่โรงแรมเดิม พบว่าในวันที่ 10 ก.ค. นี้ เวลา 11.20 น. ลูกเรือจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า 2 แห่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดระยอง คือ แหลมทอง และเซนทรัล ก่อนเดินทางกลับประเทศอียิปต์ในวันที่ 11 ก.ค. 63 เวลา 11.00 น.

วินาที “ทหารอียิปต์” ติดโควิด- 19 เดินห้างฯระยอง  

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 10 ก.ค. 63 ทีมสอบสวนโรค สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกับทีมสอบสวนของอำเภอเมือง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระยอง และตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ร่วมกันตรวจประเมินติดตามผู้เดินทางจากประเทศอียิปต์ที่โรงแรมทันทีที่ได้ทราบเรื่อง เพื่อขอเข้าตรวจ ซึ่งเห็นภาพจากคลิปว่า ใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากผู้เข้าตรวจไม่ยินยอม และจากการสอบสวนเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 63 ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม พบว่า ลูกเรือเพียงร้อยละ 10 หรือประมาณ 3 คน ใส่หน้ากากอนามัยขณะออกนอกเคหะสถาน โดยในการเดินทางไปห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ลูกเรือ รวมผู้ติดเชื้อ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

 

กลุ่มที่ 1 จำนวน 27 คน รวมผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปด้วย เดินเท้าไปเที่ยวห้างแหลมทอง เวลา 11.00-14.59 น. โดยผู้ติดเชื้อได้สวมหน้ากากอนามัย และกลุ่มที่ 2 จำนวน 4 คน นั่ง Taxi ไปห้างเซนทรัลระยอง ในช่วงเวลา 14.00-18.00 น. โดยเรียก Taxi คันเดิมไปรับ

 

ทั้งนี้ แบ่งกลุ่มผู้เสี่ยงติดเชื้อเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 9 คน ได้แก่ ที่โรงแรม DVaree 7 คน ซึ่งเป็นผู้จัดการโรงแรม 2 คน พนักงานขาย 2 คน และแม่บ้าน 4 คน ทั้งหมดไม่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และทางโรงแรมให้หยุดงานเพื่อกักตัวเป็นเวลา 14 วัน (13-27 ก.ค. 63) และที่สนามบินฯ 2 คน เป็นคนขับรถตู้ และ กลุ่มที่ 2. กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 9 คน เป็นหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) และทีมตรวจคนเข้าเมืองระยอง

 

ความยุ่งยากในการขอรับทราบชุดข้อมูลมี 2 – 3 ประเด็น ได้แก่ เป็นการขอรับทราบชุดข้อมูลไปทางต้นทาง คณะดังกล่าวขออนุญาตมาทางสถานเอกอัครราชทูตผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศซึ่งได้หารือมาทางทหารอากาศ ซึ่งตอบรับ เนื่องจากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว มีการปฏิบัติเป็นปกติ กรณีนี้ จะเข้าข้อกำหนด (5) ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 7/2563 เป็นกลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ เดินทางมาตามภารกิจ ทำตามมาตรการ และมีรายงานว่าได้รับการตรวจ Throat Swab จากประเทศต้นทางมาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อกระทรวงสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคงได้ทราบเรื่อง ได้เร่งเจรจาขอตรวจหาเชื้อ โดยในครั้งแรกผลเป็นลบ 30 คน อีก 1 คน ผลไม่แน่ชัด จึงทำการตรวจใหม่ซึ่งผลออกมาเป็นบวกในวันที่คณะดังกล่าวเดินทางกลับแล้ว

 

ชุดข้อมูลอีกชุดที่จะโยงไปยังห้างสรรพสินค้า ทางพื้นที่ได้รายงาน มีผู้เดินทางไปห้างแหลมทอง ช่วงเวลาเดียวกับกลุ่มอียิปต์ที่ไป พบว่า 11.25 น. มีคนอยู่ 394 คน ที่เซนทรัลระยอง 1,488 คน และอีก 7 คน ตรวจสอบยังไม่ได้ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะติดต่อไปเพื่อให้เข้ามารับการตรวจต่อไป

 

กรณีที่ 2  เป็นการรายงานสอบสวนโรคเบื้องต้นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนโรคกรณีของประเทศซูดาน ซึ่งทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รับแจ้งจากสถาบันป้องกันการควบคุมโรคเขตเมือง ว่าพบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นผู้ป่วยหญิง อายุ 9 ปี ชาวซูดาน เป็นบุตรสาวของอุปทูตซูดานประจำประเทศไทย ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ดำเนินการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ณ ที่บ้านพักสถานทูตซูดานประจำประเทศไทย และ ONE X Condominium เพื่อติดตามประวัติเสี่ยง และติดตามผู้สัมผัส เพื่อให้คำแนะนำในการควบคุมโรค

ผลการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 63 มารดาพาครอบครัวประกอบด้วยบุตรสาว 4 คน ไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศซูดาน ผลปรากฏว่าไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 63 ครอบครัวนี้เดินทางมายังประเทศไทย ด้วยสายการบิน อียิปต์แอร์ เที่ยวบิน MZ3277 ซึ่งมีคนไทยประมาณ 245 คน ซึ่งหญิงอายุ 9 ปี นั่งที่นั่งหมายเลข 22H หลังจากนั้นเครื่องบินได้ลงจอด เพื่อเติมน้ำมันที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ โดยไม่มีผู้ใดลงจากเครื่องบิน และถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ในวันที่ 10 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 05.40 น. และได้ผ่านขั้นตอนการตรวจทางมาตรฐานควบคุมโรค Nasopharyngeal Swab และ Throat Swab ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

วินาที “ทหารอียิปต์” ติดโควิด- 19 เดินห้างฯระยอง  

เวลาประมาณ 09.25 น. เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงที่พัก ONE X Condominium โดยไม่ได้แวะจอดและพักที่ใด ในขณะเดินทางมายังที่พักในรถ มีเพียง อุปทูตฯ คนขับรถ 1 คน และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต 1 คน ใส่หน้ากากอนามัยตลอด และพบว่า หญิงอายุ 9 ปี ใส่หน้ากากอนามัย ส่วนน้องสาวและมารดาไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อถึงที่พักได้ขึ้นลิฟต์หมายเลข 3 โดยไม่ได้ใช้ลิฟต์ร่วมกับผู้อื่น

 

วันที่ 10 ก.ค. 2563 เจ้าหน้าที่ได้โทรแจ้งผลการตรวจของหญิงอายุ 9 ปี พบว่า ผลยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้ติดต่อโรงพยาบาลที่จะเข้ารับการรักษาไว้ล่วงหน้า ต่อมา วันที่ 10 ก.ค. 63 เวลา 11.38 น. ได้มีรถของสถานทูตซูดานฯ พร้อมคนขับ ซึ่งคนขับใส่หน้ากากอนามัย มารับหญิงอายุ 9 ปี ไปที่โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ระหว่างการรักษา พบว่า ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบ และขอย้ายไปรักษายังสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โดยระหว่างวันที่ 10 – 11 ก.ค. 63 อุปทูตฯ และครอบครัวอยู่ในห้องที่คอนโดไม่ได้ออกไปใช้บริการส่วนกลาง เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 04.00 น. ผู้สัมผัสในครอบครัวทั้งหมดย้ายไปพักที่บ้านพักสถานทูตซูดานฯ ซึ่งอยู่ที่ซอยสวนพลู มีประตูสามชั้น พื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา

 

การสำรวจสภาพสิ่งแวดล้อมของที่พักอาศัย ห้องพักอยู่ชั้น 19 ของ ONE X Condominium สร้างเมื่อปี 2551 ห้องพักทั้งหมด 329 ห้อง มีผู้อาศัยจริง 200 ห้อง เป็นชาวต่างชาติร้อยละ 70 มีลิฟต์ 3 ตัว โดยคอนโดแห่งนี้เคยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาก่อน 2 คน เมื่อเดือนมีนาคม 2563 มีการประกาศมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยการจำกัดจำนวนคนขึ้นลิฟต์ ทำความสะอาดลิฟต์ทุกตัวด้วยแอลกอฮอล์ และถูพื้นทุกวันด้วยน้ำยาฟอกขาว ลูกบ้านคอนโดประมาณร้อยละ 50 ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในลิฟต์ โดยเป็นการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด โดยการประเมินผู้สัมผัสมี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 7 ราย คือ คนในครอบครัว 5 ราย (บิดา มารดา น้องสาว 3 คน) , คนขับรถ 1 คน, เจ้าหน้าที่สถานทูต 1 คน ซึ่งสถาบันป้องกันควบคุมโรคได้มีการนัดหมายให้ผู้สัมผัสเสี่ยงกลุ่มที่ 1 ทำการตรวจหาเชื้อแล้ว เบื้องต้น นัดหมายวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 และกลุ่มที่ 2 ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 15 ราย คือ ผู้ที่ใช้ลิฟต์ต่อจากครอบครัวนี้ ประมาณ 15 ราย