ซัดเลิกจ้าง "สกสค." ไม่เป็นธรรม สหภาพจี้ "บิ๊กตู่" ยกเลิกคำสั่ง

02 ก.ค. 2563 | 11:58 น.

วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 จากกรณีการเลิกจ้างพนักงาน "สกสค."  สหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2563 ที่ วัดสามัคคีธรรม กรุงเทพฯ โดยมีสมาชิกสหภาพแรงงานองค์การค้าฯเข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน

 

นอกจากนี้ นายนิวัติชัย แจ้งไพร ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา พร้อมด้วย นายอารีย์ สืบวงศ์ อดีตประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา และที่ปรึกษาสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา ได้ร่วมแถลงข่าว กรณีมีคำสั่งองค์การค้าของ สกสค. ที่ 85/2563 ให้เลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค.จำนวน 961 คน ซึ่งจะมีผลการเลิกจ้างในวันที่ 1 ส.ค.2563 และรอการเลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกษียณในเดือนกันยายน 2563 อีกกว่า 50 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้าง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"สกสค." ปลดพนักงาน 961 ชีวิต เหตุแบกหนี้อ่วม 6.7 พันล.

พลิกปูม “สกสค.” หลังบอร์ดไฟเขียวเลิกจ้างพนักงาน

"สกสค." นายกฯลั่นจำเป็นต้องปรับโครงสร้าง สั่งเยียวยาพนง.ให้เหมาะสม

บอร์ดองค์การค้าสกสค. ถก 3 ก.ค.ชงงบจ่ายชดเชยพนง.1-2 แสน

 

สหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา เรียกร้องรัฐบาลให้ทบทวนการเลิกจ้าง พนักงาน สกสค.

นายนิวัติชัย กล่าวว่า สหภาพฯไม่เห็นด้วยกับคำสั่งเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม และไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่คณะกรรมการ สกสค.อ้าง ว่า องค์การค้าฯ มีหนี้สินล้นพ้น จนไม่สามารถจ้างพนักงานต่อไปได้ โดยสหภาพฯ จะนำเนินการฟ้องตามข้อกฎหมายแรงงานและศาลปกครอง รวมถึงจะขอมติจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2563 เพื่อขอให้ที่ประชุมใหญ่วิสามัญ มอบอำนาจให้สหภาพฯ เป็นผู้แทนสมาชิกไปดำเนินการฟ้องร้อง

ทั้งนี้ ทางสหภาพฯ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงผู้บริหารองค์การค้าฯ ทบทวนมติหรือยกเลิกคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมครั้งนี้ โดยสหภาพฯ จะดำเนินการคัดค้านเรื่องนี้อย่างถึงที่สุดเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ ทุกคนได้รับความเป็นธรรม และอยากให้ผู้บริหารสูงสุดของประเทศ คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดกับพนักงานทุกคนที่ถูกเลิกจ้างไม่มีรายได้

 

ด้าน นายอารีย์กล่าวว่าการเลิกจ้างพนักงานองค์การค้าฯ ครั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการจ่ายชดเชยอย่างไรระยะเวลาเท่าไร การเลิกจ้างครั้งนี้ ถือเป็นการกระทำที่โหดร้าย เพราะไม่เคยแจ้งหรือเชิญให้พนักงาน หรือสหภาพฯ ซึ่งเป็นตัวแทนรับทราบเหตุผล หรือแม้กระทั่งสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่มีผลกระทบ การที่ผู้บริหารให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นเพราะองค์การค้าฯ ขาดทุน ขาดสภาพคล่อง มีค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานค่อนข้างสูง มีหนี้สินล้นพ้นตัวมากกว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งที่กล่าวหาว่าค่าจ้างในการจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่ในอัตราที่สูง ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลเอกสารรายงานค่าใช้จ่าย กับสัดส่วนของงานและรายได้ว่าอยู่ในอัตราส่วนของโครงสร้างราคาขาย และกำไรที่ควรจะเป็นหรือไม่

ทั้งนี้ปัญหาขององค์การค้าฯ เกิดขึ้นมานานหลาย 10 ปี และหนี้สินที่สะสมมาก็ไม่ได้เกิดจากการทำธุรกิจ แต่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาจ่ายค่าจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ที่นำไปจ้างเอกชนภายนอกจัดพิมพ์ ซึ่งเป็นการใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์ เป็นการดำเนินการที่ผิดพลาดของผู้อำนวยการองค์การค้าฯ แต่ละยุค โดยในช่วงปี 2539 - 2540 องค์การค้าฯ มีกำไรสะสมสูงสุด 1,500 กว่าล้านบาทในปี 2541 - 2543 ก็ยังมีกำไรสะสมมาใช้จ่าย พอปี 2544 ไม่มีกำไรสะสม ตึงเริ่มกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยนำทรัพย์สินขององค์การค้าฯไปจำนองซึ่งสถาบันการเงินให้จัดทำแผนการรายรับรายจ่าย แต่เท่าที่ทราบมีการนำเงินไปใช้ผิดประเภทตามแผนที่วางไว้ มีการตั้งกรรมการสอบสวนแต่ก็ไม่มีข้อสรุปคนทำผิด จึงทำให้ องค์การค้าขาดทุนสะสมมาทุกปี

"พนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานตามคำสั่งของผู้บริหาร แต่พอขาดทุน กลับเลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่ ถือเป็นคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม และเป็นที่น่าแปลกใจว่า คณะกรรมการ สกสค.สั่งเลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ แต่ทันทีที่เลิกจ้าง ก็ทำสัญญาจ้าง นายอดุลย์บุสสา เป็นผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ทันที เท่ากับว่า องค์การค้าฯ ไม่ได้ถูกยุบ แต่เป็นการล้างพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เงินเดือนสูงออกเกือบหมด เท่ากับล้มกระดานองค์การค้าฯ และมีแผนเตรียมรับพนักงานใหม่ที่ค่าจ้างถูกกว่าเข้ามา จึงอยากถามว่า แผนปรับโครงสร้างแบบนี้ เรียกว่ามีคุณธรรมหรือไม่ส่วนการตั้งนายอดุลย์ เป็นผู้อำนวยการองค์การค้าฯ คนใหม่ ซึ่งนเป็นอำนาจของบอร์ดองค์การค้าฯอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ลงไปดูกระบวนการสรรหาว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ส่วนตัวนายอดุลย์ ถือว่ามีความคุ้นเคยกันดี เคยเป็นรองผู้อำนวยการองค์การค้าฯ และประธานสหภาพฯ ดังนั้น จึงอยากขอให้นายอดุลย์เข้าใจการทำงานของพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯทุกคน และอยากให้มีการทบทวนมติและยกเลิกคำสั่งเลิกจ้าง" นายอารีย์ กล่าว

 

ขณะที่ นายธน เหมือนมาตย์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ 1 องค์การค้าฯ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีคำสั่งการเลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้า แต่ก่อนที่จะมีคำสั่งนี้ออกมา ก็มีคำสั่งให้พนักงานหยุดปฏิบัติงานช่วงเดือน เม.ย.เนื่องจากมีโควิด-19 และจ่ายเงินเดือนให้เพียง 75% แต่พอกระทรวงศึกษาธิการ มีคำสั่งให้ข้าราชการกลับมาทำงาน 100% ทางสหภาพแรงงานฯ ก็ทำหนังสือสอบถามผู้บริหารก็มีคำสั่งให้หยุดงานต่อ จนกระทั้งวันที่ 29 มิ.ย.2563 มีคำสั่งเลิกจ้าง พวกเราทำงานสนับสนุนกระทรวงศึกษาฯมาตลอดไม่คิดว่าจะถูกเลิกจ้างการถูกเลิกจ้างไม่เพียงแต่ได้รับผลกระทบเพียงตัวคนเดียวแต่กระทบถึงครอบครัวและพ่อแม่ที่ต้องดูแล ส่วนเงินชดเชยที่จะได้ ตนยังไม่ทราบว่าเท่าไหร่ เพราะถ้าเราไปรับทราบก็เท่ากับยอมรับข้อเสนอซึ่งไม่เป็นธรรม

 

ขอบคุณภาพจาก Nation Photo