จุฬาฯลุยพัฒนาวัคซีน-ปูพรมตรวจโควิด

02 มิ.ย. 2563 | 06:45 น.

จุฬาฯเดินหน้าพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 คาดปลายมิ.ย.รู้ผลการทดลอง พร้อมจับมือพันธมิตรเปิดตัว "ปัตตานีโมเดล” ปูพรมตรวจแบบว่องไว "Baiya Rapid Covid-19 IgM IgG Test Kit "

หลังจากศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด -19  โดยอยู่ในขั้นตอนทดลองฉีดในลิงได้เป็นแห่งแรกในไทย ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้พัฒนาวัคซีนเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กับมหาวิทยาลัยระดับโลกคือ University of Pennsylvania ประเทศสหรัฐอเมริกา และองค์กรพันธมิตร ที่ได้รับทุนวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อสร้างนวัตกรรมเพื่อดูแลสังคมไทยของ 


ความคืบหน้าล่าสุดของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวัคซีน COVID-19 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่า ทางศูนย์ฯ ได้เลือกใช้เทคโนโลยี mRNA ในการพัฒนาวัคซีน ซึ่งจากการทดลองในหนูพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ผลเป็นอย่างดี และล่าสุดได้เริ่มมีการทดลองวัคซีนในลิง คาดว่าปลายเดือนมิถุนายน น่าจะทราบผลเบื้องต้น ถือว่าเป็นการพัฒนาวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ก้าวหน้าที่สุดในไทย

จุฬาฯลุยพัฒนาวัคซีน-ปูพรมตรวจโควิด
นอกเหนือจากการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด -19 แล้ว  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังได้ผนึกกำลังพันธมิตร เปิดตัว“ปัตตานีโมเดล”โดยการปูพรมตรวจภูมิคุ้มกันก่อนคลายล็อกให้ชาวปัตตานีนับหมื่นด้วยชุดตรวจว่องไวBaiya Rapid Covid-19 IgM IgG Test Kit 
 

ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัตตานีโมเดลเป็นโครงการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและจังหวัดปัตตานีร่วมกันพัฒนาขึ้น โดยเรียนรู้จากงานระบาดวิทยาชุมชนของปัตตานีในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และใช้นวัตกรรมชุดตรวจแบบว่องไว Baiya Rapid Covid-19 IgM IgG Test Kit ผลงานของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และบริษัทสตาร์ทอัพ จุฬาฯ ‘ใบยา ไฟโตฟาร์ม’ ที่นำร่องตรวจภูมิคุ้มกันให้ชาวปัตตานีเป้าหมายจำนวนหมื่นรายก่อนเปิดเมือง 


ทั้งนี้เพื่อเก็บข้อมูลจัดทำระบบ Big Data ระดับชุมชน แล้วนำมาใช้วางแนวทางสร้างนวัตกรรมเชิงป้องกันให้คนไทยตรวจ  ทั้งประเทศเพื่อให้ทราบสภาวะการติดเชื้อโควิด-19 สามารถรองรับการระบาดระลอกต่อไปที่อาจเกิดขึ้นได้ทัน และเป็นข้อมูลในระยะยาวให้รัฐใช้วางแนวทางการบริหารจัดการ เช่น กลุ่มใดควรได้รับวัคซีนก่อน กลุ่มใดควรได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มต่อมา กลุ่มใดมีภูมิแล้ว กลุ่มใดควรตรวจก่อน 


 "ถือเป็นการนำนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้สู้กับวิกฤติโควิด-19 มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับคนไทย  โดยชุดตรวจ Baiya Rapid COVID-19 Test เป็นการตรวจภูมิคุ้มกันในร่างกายจากผลเลือด เป็นการนำชุดทดสอบนี้ไปรับใช้สังคมที่จังหวัดปัตตานีซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางเข้าออกจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 "


ศ.ดร.บัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และสาธารณสุขจังหวัดปัตตานีในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจทำให้ในวันนี้ปัตตานีไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่กว่า 40 วันแล้ว แสดงให้เห็นว่าการรับมือโควิด-19 อย่างเป็นระบบ มีข้อมูลชุดความรู้ที่ชัดเจน โดยโมเดลจากปัตตานีสามารถขยายผลสู่จังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อมหากมีการระบาดของโควิด-19 ในระลอกต่อไป เพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้เร็วที่สุด
 

จุฬาฯลุยพัฒนาวัคซีน-ปูพรมตรวจโควิด

นายไกรศร  วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ปัตตานีวางระบบคัดกรอง ค้นหาผู้ป่วยและกักกันที่เข้มข้น นับว่าครอบคลุมที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากพื้นที่มีความเสี่ยงสูง มีการเดินทางเข้า-ออกจากต่างประเทศทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทำให้ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยัน 92 ราย เสียชีวิต 1 ราย  


ดังนั้นจึงออกนโยบายค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนแบบเข้มข้น เอ็กซเรย์เต็มพื้นที่เสี่ยง และมีความพยายามแสวงหาวิธีการทางห้องปฏิบัติการที่ยืนยันผลในการคัดกรองคนจำนวนมาก ภายใต้ความคุ้มค่า ประหยัด และปลอดภัย จึงได้ประสานงานกับจุฬาฯ ขอใช้นวัตกรรมชุดตรวจว่องไวนี้นำมาใช้ตรวจร่วมกับ RT-PCR คัดกรองผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาภูมิคุ้มกันในชุมชนเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย รวดเร็ว และมีหลักฐานทางชีวภาพ 


ศ.นพ.ดร.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล ผู้รักษาการรองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า ปัตตานีโมเดล เป็นการพัฒนานวัตกรรมการจัดการความไม่แน่นอน (Uncertainty Management) อันเกิดจากโรคระบาด โควิด-19 แห่งแรกในประเทศไทยที่เป็นระบบ ผลการศึกษาที่ได้จากปัตตานีโมเดลทำให้สามารถใช้ Rapid Test เสริมความมั่นใจในช่วงที่สังคมยังมีความไม่แน่นอน ควบคู่ไปกับ RT-PCR ได้ โดยเฉพาะกับการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูง 

จุฬาฯลุยพัฒนาวัคซีน-ปูพรมตรวจโควิด
นอกจากนี้ Rapid Test ยังช่วยลดระยะเวลากักตัวใน Local Quarantine จากเดิม 14 วัน ให้สามารถกลับไปกักตัวที่บ้านได้เร็วขึ้น ถือเป็นการลดภาระงานให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ใน Local Quarantine เพื่อเสริมความมั่นใจให้กระบวนการการทำงานของผู้ปฏิบัติงานที่เป็นด่านหน้ารับกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย


 “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยินดีที่จะขยายผลจากโครงการปัตตานีโมเดลสู่จังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อม ซึ่งเริ่มมีหลายพื้นที่ติดต่อเข้ามา เช่น ที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายขอบประเทศไทย-กัมพูชา รวมถึงที่ จ.สตูล และภูเก็ต  โดยจะต้องมีการหารือเตรียมความพร้อมเพื่อให้เป็นระบบที่นำไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง” ศ.นพ.ดร.นรินทร์ กล่าวในที่สุด