วันนี้ (8 เมษายน 2563) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ยังมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตพบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งกรมควบคุมโรค มีความห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะผู้อยู่ร่วมบ้านกับผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะถ้ากลุ่มดังกล่าวได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรงกว่ากลุ่มอื่น และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
สำหรับผู้ที่ยังต้องออกไปทำงานข้างนอก แล้วต้องกลับเข้าบ้านในทุกวันตอนเย็น ต้องระวังและอย่าประมาท เพราะอาจนำเชื้อมาแพร่สู่พ่อแม่และญาติพี่น้อง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว ประกอบกับในช่วงนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์ แม้ว่าทางรัฐบาลจะยกเลิกกิจกรรมและวันหยุดในช่วงดังกล่าวแล้ว แต่ในบางครอบครัวอาจมีกิจกรรมเล็กๆในเครือญาติ เพื่อรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุในการได้รับเชื้อโควิด-19 ได้
จึงขอให้ประชาชนงดกิจกรรมดังกล่าว งดการเดินทางกลับภูมิลำเนา ลดการรวมกลุ่มใกล้ชิดในเครือญาติ หากผู้อยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับผู้สูงอายุจะกราบและขอพร ควรเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร ส่วนเครือญาติที่อยู่ไกลกันควรใช้การโทรศัพท์มาขอพร ก็จะทำให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้
กรมควบคุมโรคได้มีข้อแนะนำ 8 ข้อปฏิบัติเบื้องต้น เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุปลอดภัยจากโควิด-19 ดังนี้ 1.อธิบายให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและความรุนแรงของการติดเชื้อ 2.ให้หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านหากไม่จำเป็น 3.กินร้อน แยกจานและช้อนส้อมส่วนตัว 4.หมั่นทำความสะอาดบ้านและข้าวของ
5.จัดหาหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 70% 6.เมื่อกลับเข้าบ้านให้เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำและสระผมก่อนพบผู้สูงอายุ 7.หากมีการสัมผัสบุคคลหรือไปสถานที่เสี่ยง ให้เลี่ยงการพบผู้สูงอายุ 8.หากมีอาการร่วมกับมีประวัติเสี่ยงให้ใส่หน้ากากอนามัยและแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที
"เราขอให้กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ไตวายเรื้อรัง ให้พักอาศัยอยู่ในบ้าน อย่าให้คนที่ไม่รู้จักมาใกล้ตัวเรา และปฏิเสธการไปร่วมกิจกรรมหรืองานสังสรรค์ต่างๆ อยู่บ้านหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลาย เช่น รดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาดบ้าน และออกกำลังกายให้แข็งแรง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 จากสิ่งแวดล้อมภายนอก และเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมด้วย"อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว