เปิดหมัดน็อกชนะโควิด-19 

04 เม.ย. 2563 | 13:17 น.

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับข้อมูลของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และวิธีที่จะสกัดกั้นการแพร่เชื้อ หรือมัดน็อกชนะโควิด-19 ใจความว่า “เรียนรู้โรค โควิด-19 จึงสู้ชนะครับ” 

 

เปิดหมัดน็อกชนะโควิด-19 

 

1.หลังร่างกายได้รับเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่จะแสดงอาการภายในวันที่ 5 ภายหลังจากการรับเชื้อ ระยะของการฝักตัว (เมื่อได้รับเชื้อจนมีอาการป่วย)  1-14 วัน 

 

2.ความสามารถในการแพร่โรคของผู้ป่วย 1 คนแพร่โรคได้  2.5 คน

 

2.1 บางกรณีที่มีผู้แพร่โรคให้กับคนอื่นได้มากกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า “super spreader” และการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ความสามารถในการแพร่โรคจะสูงขึ้น เช่น สนามมวย สถานบันเทิง ซึ่งในช่วงนั้นประเทศไทยมีค่าความสามารถในการแพร่โรคอยู่ที่ ผู้ป่วย 1 คนแพร่โรคได้  3.6 คน 

 

2.2 ขณะนี้ประเทศไทยมีค่าความสามารถในการแพร่โรค ผู้ป่วย 1 คนแพร่โรคได้  1-2 คน 

3.การติดต่อของโรคคือ 2 ทางหลัก

 

3. 1 ได้รับเชื้อไวรัสโดยตรง เมื่ออยู่ในระยะใกล้ชิดกับผู้ป่วย และมีผู้ที่ไอหรือจาม ที่ไม่มีการป้องกันตนเอง 

 

3.2 ผู้ป่วยไอ จาม และมีละอองเชื้อฝอยทิ้งไว้ในพื้นผิวสัมผัสทั่วไป แล้วผู้อื่นก็มาจับละอองฝอยเชื้อเข้าสู่ร่างกายด้วยการนำมือสัมผัสใบหน้า เช่น ปาก จมูก ตา

 

4.ขอให้แบ่งง่ายๆ เป็น 2 กลุ่ม

4.1 กลุ่มผู้ป่วย (ที่มีอาการคล้ายไข้หวัด) ต้องสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ซึ่งสามารถลดการแพร่กระจายของละอองเชื้อได้ถึงร้อยละ 97 เนื่องจากปริมาณละออง ความเร็ว ระยะทางที่เคลื่อนที่ไปได้จะลดน้อยลง ล้างมือ และทบทวนประวัติเสี่ยง ไปพบแพทย์ “ต้องเล่าความจริงทั้งหมด” ครับ

 

4.2 ผู้ที่ยังไม่ป่วย แนะนำให้สวมหน้ากากชนิดผ้า เพื่อป้องกัน รวมถึงการทำความสะอาดพื้นผิวด้วยการเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ และหลีกเลี่ยงการนำมือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ และหมั่นล้างมือให้สะอาด 

 

5.เชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทั่วไปจะอยู่ในสภาพแวดล้อม ประเทศไทยอากาศร้อน อยู่ได้  6 ชั่วโมง และสูงสุด 24-72 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นผิวและอุณหภูมิ หากอุณหภูมิสูงเชื้อจะมีอายุที่สั้นลง

 

6.อาการของโรคโควิด 19 

6.1 มีความแตกต่างในเด็กและผู้ใหญ่ คือ เด็กจะมีอาการน้อยกว่า
• สำหรับเด็ก...
- ร้อยละ 42 จะมีอาการไข้ 
- ร้อยละ 49 มีอาการไอ 
- ร้อยละ 8 มีน้ำมูก 
- ร้อยละ 7 มีอาการอ่อนเพลีย 

 

• สำหรับผู้ใหญ่ 
- ร้อยละ 89 จะมีอาการไข้ 
- ร้อยละ 68 มีอาการไอ (อาการหลักที่สำคัญ)
- ร้อยละ 14 จะมีอาการเจ็บคอ 
- ร้อยละ 15 มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 
- ร้อยละ 5 มีน้ำมูก 
- ร้อยละ 38 มีอาการอ่อนเพลีย

 

7. หากมีอาการของปอดอักเสบจะเริ่มแสดงอาการ เหนื่อย หอบ หายใจเร็วและลำบาก 

7.1 ช่วงอายุมีผลต่ออัตราการเสียชีวิต 
- กลุ่มอายุ 10-19 ปีมีโอกาสต่ำมาก 
- กลุ่มอายุ50-59 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูง
- กลุ่มอายุ 80 ปีขึ้นไปมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก 
(หากมีผู้ป่วยช่วงอายุนี้ 100 คน จะมีอัตราเสียชีวิตถึง ~ 15 คน 

 

7.2 กลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อและมีอาการรุนแรงสูงกว่าคนทั่วไปและเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ได้แก่ 
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี 
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดสมอง/หัวใจ อัมพาต โรคไตวายเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง โรคอ้วน โรคตับแข็ง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และคนอ้วน (ผู้ที่มีดัชนีมวลมากกว่า 35 กก/ต่อตารางเมตร)

 

8. ความรุนแรงของโรค แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยติดเชื้อทุกคนไม่ได้มีอาการที่รุนแรง

8.1 ในผู้ติดเชื้อ 100 คน พบว่า 80 เป็นผู้ป่วยมีอาการน้อยถึงน้อยมาก สามารถหายได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัส และ 30 คนใน 80 คน เป็นการติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันแต่ไม่มีอาการ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากจะดีที่สุดคือการไม่ติดเชื้อเลย 

 

8.2 ในผู้ติดเชื้อ 100 คน พบว่า 20 คน เป็นผู้ป่วยที่อาจจะต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลและ 5 คนใน 20 คน จะมีอาการรุนแรงและจะต้องได้รับการรักษาพยาบาลในกรณีพิเศษ 

 

9.กรณีการเสียชีวิตจะเฉลี่ยคือ ผู้ป่วย 100 ราย จะมีผู้ที่เสียชีวิตร้อยละ 1.4 แต่ความรุนแรงของการเสียชีวิตจะแตกต่างกัน (น่าเชื้อว่า น่าจะน้อยกว่า ร้อยละ 1

 

10. ขณะนี้มีการใช้ยาต้านไวรัสในการรักษาตามอาการ ได้แก่ Favipiravir ที่เป็นยาหลัก Remdesivir อยู่ในขณะศึกษาวิจัย ส่วนยากลุ่มเสริมคือ Lopinavir+Ritonavir / Darunavir+ Ritonavir เป็นยาต้านไวรัสเอดส์ และ Cloroquine ซึ่งเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย โดยในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน และในหลายประเทศได้เร่งทำการศึกษาวิจัยอยู่

สิ่งสำคัญ หมัดน็อกชนะโควิด-19 คือ


1.ลดและชะลอการติดเชื้อให้มากที่สุด (คนติดเชื้อมาก รายก็ตายมาก เช่น ถ้าติดเชื้อ จำนวน 1,000,000 คนพร้อมๆ กัน จะมีคนตาย 20,000-100,000 คน เพราะระบบและหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รับมือไม่ได้ และหมอพยาบาลอาจตายร่วมด้วย)

 

2.ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก บุกกลุ่มเสี่ยง และตรวจ lab  25,000 - 50,000 คน กรุณาอย่ากลัวพบผู้ป่วยมาก เราต้องบุก ค้น และตรวจให้มาก จำนวนผู้ป่วยไม่ใช่ความผิด แต่เราต้องรู้ความจริง เพื่อตีวงกลุ่มเสี่ยงเพื่อควบคุมโรคแบบเด็ดขาดครับ นี่คือ “หมัดน็อก"

 

3.หมัดน็อกง่ายๆ คือ พลังความร่วมมือทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการ ที่แนะนำ ถ้าทำได้ มากกว่า ร้อยละ 90 เราชนะแน่นอนครับ