ปรับเบี้ยผู้พิการ 800 เป็น 1,000 บาท เริ่มจ่าย 1 ต.ค.63 

28 ม.ค. 2563 | 08:30 น.

ครม.อนุมัติปรับเบี้ยผู้พิการจาก 800 บาท/คน/เดือน เป็น 1,000 บาท/คน/เดือน เริ่มจ่ายตั้งแต่ 1 ต.ค.2563 นี้  

 

ปรับเบี้ยผู้พิการ 800 เป็น 1,000 บาท เริ่มจ่าย 1 ต.ค.63 

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (28 มกราคม)ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติเพิ่มเบี้ยผู้พิการจากปัจจุบัน 800 บาทต่อคนต่อเดือนเป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพในปัจจุบันเพราะจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคนพิการได้ และไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายทางการคลังเพิ่มมากขึ้นจนเกินไป ทั้งนี้ สำหรับสถานะทางการเงินของผู้พิการจากการสำรวจ พบว่า ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทและมีรายได้น้อย เฉลี่ยอยู่ที่เดือนละประมาณ 4,326บาท การปรับปรุงเบี้ยผู้พิการครั้งนี้ให้ตอบสนองความต้องการที่จำเป็นซึ่งจะช่วยให้ผู้พิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

ข้อมูลจากฐานทะเบียนกลาง กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2562 ระบุว่า มีจำนวนผู้พิการที่ทำบัตรผู้พิการ 2.02 ล้านคน การปรับเบี้ยผู้พิการเพิ่มขึ้นนี้จะทำให้ต้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 4,852 ล้านบาทต่อปี โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 ให้แก่ผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวผู้พิการและผ่านคุณสมบัติการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณผ่านกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ปีงบประมาณ 2564 

 

 

พร้อมกันนี้พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนี้

 

1.ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ให้ทุกส่วนราชการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการเช่น ทางลาดขึ้นลงอาคาร ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การออกแบบอาคารเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการ โดยกำหนดให้เป็นเงื่อนไขในการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร

 

2.ด้านการสร้างอาชีพ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ดำเนินการ 1)จัดทำบัญชีคนพิการโดยแยกประเภทตามความพิการ คุณวุฒิเฉพาะด้านของคนพิการ เพื่อเป็นข้อมูลในการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐและการทำงานที่บ้าน 2)กำหนดเป้าหมายการรับคนพิการเข้าทำงานในแต่ละภาคส่วนให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขอความร่วมมือจากภาคเอกชน ให้กระทรวงแรงงาน ติดตามและตรวจสอบการจ้างงานคนพิการของนายจ้างหรือผู้ประกอบการต่างๆ ให้ดำเนินการถูกต้องเป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด เพื่อให้คนพิการได้เข้าทำงานจริงและเปิดโอกาสให้ได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพ 

 

3.ด้านสิทธิประโยชน์ ให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาแนวทางปรับปรุงสิทธิประโยชน์ในการได้รับบริการด้านสุขภาพของคนพิการที่มีงานทำและเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และคนพิการที่ยังไม่มีงานทำและเป็นผู้ได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้มีความสอดคล้องเท่าเทียมกัน